ยาต้านไวรัส HIV ในประเทศไทย

ปัจจุบันยาต้านไวรัส HIV ได้ถูกพัฒนาจากสูตรยาต้านเดิมที่เคยใช้เมื่อ 10-20 ปีก่อนไปมากแล้วครับ โดยในประเทศไทยเองก็มีสูตรยาใหม่ ๆ ซึ่งหลายสูตรที่ใช้แล้วมีประสิทธิภาพควบคุมไวรัส HIV ได้ดี แถมยังมีผลข้างเคียงต่อร่างกายน้อยมาก ๆ
ปรึกษา รักษา HIV

ยาต้านไวรัส HIV ที่ใช้บ่อยๆ และวิธีการใช้

ยาต้าน HIV ที่เราใช้กันบ่อยๆ ในปัจจุบัน มีทั้งแบบรวมเม็ด หรือแยกเม็ด อันได้แก่

  1. ยาต้าน HIV Biktarvy หนึ่งเม็ดวันละครั้ง ยา original จาก Gilead ผู้นำในการผลิตยาต้านไวรัส โดยมีผลข้างเคียงน้อย และกินแค่หนึ่งเม็ดวันละครั้ง ไม่มึนหัว และไม่มีผลข้างเคียงต่อไตและกระดูกในระยะยาว
  2. ยาต้าน HIV Kocitaf หนึ่งเม็ดวันละครั้งเช่นกัน โดยเป็นยาจากบริษัท Mylan ประเทศอินเดีย ซึ่งส่วนประกอบถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับ Biktarvy และผลข้างเคียงน้อยแทบจะไม่ต่างกัน ตัวนี้เนื่องจากไม่ใช่ยา original จึงมีข้อได้เปรียบเรื่องราคาที่ต่ำลงมา
  3. ยาต้าน HIV Acriptega หนึ่งเม็ดวันละครั้ง ตัวนี้เป็นยาที่ประเทศไทยนำมาใช้แทนยาต้านไวรัสสูตรประจำชาตินั่นคือ Teevir (ยา original คือ Atripla) โดยผลิตจาก Mylan ของประเทศอินเดียเช่นกัน ข้อได้เปรียบของ Acriptega ต่อ Teevir คือไม่มีอาการมึนหัวแล้ว แต่ก็ยังคงมียา TDF ซึ่งเป็นยาที่อาจทำให้เกิดปัญหากับไตหรือกระดูกเมื่อกินในระยะยาว โดยยา 2 ตัวแรกที่กล่าวไปนั้น (Biktarvy และ Kocitaf) ได้มีการปรับจาก TDF เป็น TAF ไปแล้วซึ่งทำให้หมดปัญหาตรงจุดนี้ไป
  4. ยาต้าน HIV Dolutegravir อันนี้ถือเป็นยาตัวเดียว (single drug) เหมาะสำหรับคนที่ไม่เกี่ยงว่าจะต้องกินยาเกินหนึ่งเม็ดต่อวัน เพราะยา dolutegravir ต้องเอาไปรวมกับยาต้านไวรัสอีกอย่างน้อย 1 ชนิด ส่วนใหญ่จะเลือกให้กินคู่กับ lamivudine หรือ rilpivirine (ชื่อทางการค้า Edurant) คนที่เชื่อเรื่องที่ว่าถ้ากินยาน้อยกว่า ผลข้างเคียงก็น้อยกว่าในระยะยาวก็อาจจะสนใจสูตรนี้เพราะสามารถใช้ยาแค่สองชนิด (two-drug regimen) เท่านั้นก็สามารถควบคุมไวรัสได้ดีเท่ากันกับสูตรที่ใช้ยาต้านไวรัสสามชนิด

ปรึกษาเรื่องยาต้าน HIV

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญที่ glove clinic เพื่อปรึกษาว่าสูตรยาใดเหมาะกับท่านโดยทำนัดหมายผ่าน inbox, Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า) หรือโทรสอบถาม 092-4149254 ได้ในเวลาทำการ (1000-1900h, คลินิกเปิดทุกวัน)
ปรึกษา รักษา HIV

รีวิวยาต้านไวรัส HIV (สูตรเก่า)

ในบทความที่แล้วเราได้รีวิว ยาต้าน HIV ในยุคปัจจุบัน ครั้งนี้เราจะมารีวิว ยาต้าน HIV ที่ใช้บ่อยในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาบ้างครับ โดยเราจะแยกยาต้านไวรัสเป็นสามกลุ่มใหญ่ เพื่อให้อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายขึ้น

สูตรยาต้าน HIV รวมเม็ด 1 เม็ดวันละครั้ง (Teevir, Trustiva)

แน่นอนว่าพระเอกเบอร์หนึ่งตลอดกาลของยาต้านไวรัสในช่วงก่อนปี 2010 จนถึงปี 2020 ก็คือ Teevir หรือที่หลายคนเรียกยาตัวนี้ว่า “ยานางฟ้า” โดยยาสูตรนี้เป็นยา generic ของ Atripla ซึ่งการค้นพบ Atripla ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทยาสามารถผลิตยาต้านไวรัสสามชนิดให้รวมอยู่ในเม็ดเดียวและกินแค่วันละครั้งได้ ซึ่งถือว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าของการรักษาเอชไอวีโดยสิ้นเชิง ซึ่งแต่ก่อนต้องกินยากันเป็นกำมือ เนื่องจากกินแค่หนึ่งเม็ดวันละครั้งจึงทำให้ประสิทธิภาพการรักษาค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับยาต้านไวรัสตัวอื่น ๆ และผลข้างเคียงก็ต้องบอกว่าดีกว่ายาตัวที่ใช้กันมาก่อน โดยพบไขมันเคลื่อนย้าย (lipodystrophy) ได้น้อยกว่าสูตรในยุค 90 อยู่มาก อย่างไรก็ดีผลข้างเคียงของ Atripla หรือ Teevir ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ ก็คือปัญหาเรื่องการนอน, ฝันร้าย, อารมณ์แปรปรวน ซึ่งเป็นผลจากส่วนประกอบที่ชื่อ efavirenz โดยอาจพบได้สูงถึง 10-15% ของคนที่กินยาสูตรนี้และทำให้คนไข้กลุ่มหนึ่งจำเป็นต้องหนีไปใช้ยาสูตรอื่น

สูตรยาต้าน HIV สองเม็ดวันละครั้ง (Ricovir-EM หรือ Teno-EM กินคู่กับ Edurant)

เนื่องจากปัญหาเรื่องมึนหัวและฝันร้ายที่พบได้จาก efavirenz ยาในยุคต่อมาจึงถูกออกแบบขึ้นเพื่อลดผลข้างเคียงนี้ โดยยาหลักที่เข้ามาแทนที่ efavirenz ก็คือ rilpivirine หรือชื่อทางการค้าว่า Edurant พอรวมร่างเข้ากับโครงหลัก (backbone) ของ Teevir ซึ่งก็คือ tenofovir และ emtricitabine โดยในต่างประเทศมีสูตรนี้รวมกันในเม็ดเดียวชื่อ Complera แต่ในประเทศไทยไม่มี Complera จำหน่าย คนไข้จึงต้องกินยาแยกเม็ดโดยกิน Edurant 1 เม็ดรวมร่างกับ Ricovir-EM หรือ Teno-EM (ยา original คือ Truvada) ซึ่งก็คือยาที่รวม tenofovir และ emtricitabine เข้าด้วยกัน หลายคนที่กินยา PrEP น่าจะรู้จักยาสองตัวนี้ดี โดยที่ข้อจำกัดของยาสูตรนี้ก็คือจำเป็นต้องกินยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีเนื่องจาก rilpivirine หรือ Edurant นั้นต้องการกรดในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยดูดซึมให้ระดับยาสูงเพียงพอที่จะคุมไวรัสอยู่ได้

ยาต้าน HIV โบราณที่อาจถูกลืมเลือนกันไป (Neravir)

ที่เอายาตัวนี้มาเขียนถึงเพราะตัวเองยังมีคนไข้ที่กิน nevirapine หรือ Neravir อยู่พอสมควรโดยยาตัวนี้นั้นอยู่ในกลุ่มเดียวกับ efavirenz และ rilpivirine (NNRTI) จริง ๆ แล้ว nevirapine นั้นเกิดมาก่อน efavirenz ด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากคนไข้ที่ CD4 สูงเกิน 300-400 โดยช่วงที่เริ่มยาอาจจะเกิดแพ้ยารุนแรง (hypersensitivity) ได้ แต่ว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุนี้อยู่เพียงแค่ในช่วงเดือนแรกของการกินยาเท่านั้น ดังนั้นถ้าเริ่มกินแล้วปลอดภัยก็คือกินต่อไปได้เลย ข้อดีของ nevirapine ก็คือแทบไม่มีผลข้างเคียงต่อสมองและสภาพจิตใจอย่างที่พบในคนไข้ที่กิน efavirenz นอกจากนี้ยังเป็นยาที่ราคาค่อนข้างถูก คนไข้กินแล้วไม่แพ้ก็จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนยา ส่วนข้อเสียก็คือยาต้องกินครั้งละสองเม็ดวันละครั้ง โดยต้องกินคู่กับยา backbone ทำให้คนไข้จะกลายเป็นกินยาสามเม็ดวันละครั้งได้

ยาสูตรเก่าไม่ได้แปลว่าเป็นยาที่ไม่ดี เราจำเป็นต้องพิจารณาสูตรยาให้เหมาะสมกับคนไข้ ไม่ว่าจะด้วยโรคร่วม, จำนวนเม็ดยา, วิถีชีวิต, เศรษฐานะ คนไข้ที่กินยาสูตรเก่าแล้วไม่มีผลข้างเคียงก็ไม่ได้จำเป็นต้องอัพเกรดให้เป็นยาสูตรใหม่เสมอไป ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ที่รักษาเพื่อทำความเข้าใจกับยาต้านไวรัสกันนะครับ

Relate content :

mkp01_0

ฝีดาษลิง อาการและการรักษา

S__1941512_0

การป้องกันภัยเงียบด้วยการฉีดวัคซีน HPV

S__13721667_0

การตรวจ รักษา ซิฟิลิส

353394554_590632263052637_3422602478844547081_n

รู้จักยา PrEP ทุกยี่ห้อในไทย

356702789_599533022162561_2739036096702400976_n

ยาต้านไวรัส HIV ในประเทศไทย

ปัจจุบันยาต้านไวรัส HIV ได้ถูกพัฒนาจากสูตรยาต้านเดิมที่เคยใช้เมื่อ 10-20 ปีก่...
355681288_595736549208875_88789546690169589_n

อาการของ HIV

โดยทั่วไปอาการของผู้ติดเชื้อ HIV มักจะขึ้นกับระยะของการติดเชื้อของแต่ละคน โดย...

Tag :

We use cookies to improve performance. and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy and can manage your own privacy by clicking on Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies of each type are available on request, except essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Strictly necessary cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

Save