Search
Close this search box.

โรคหนองในเทียม / Non-gonococcal infection

หนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่หนองในแท้ ได้แก่

  1. Chlamydia trachomatis พบมากที่สุด
  2. Ureaplasmaurealyticum / parvum พบรองลงมา
  3. Mycoplasmagenitalium / hominis พบได้น้อย

หนองในสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสเยื่อบุผิวตามอวัยวะต่างๆ เช่น องคชาต ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก ช่องปาก ลำคอโดยเชื้อจะอยู่ในสารคัดหลั่งรวมไปถึงน้ำอสุจิด้วย หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยก็สามารถติดเชื้อมาได้โดยตรง

โรคหนองในเทียมจะมีระยะฟักตัวนานกว่าหนองในแท้ จะมีอาการตั้งแต่ 10 วันขึ้นไป บางคนอาจไม่มีอาการเป็นเดือนๆ หรือไม่มีอาการ

ผู้ชาย :มีอาการคันในท่อปัสสาวะ มีน้ำใสๆไหลออกมา ระยะต่อมาน้ำจะเหนียวข้นและเป็นหนองตามมา

ผู้หญิง :อาการไม่ได้แสดงชัดเจนมาก ตกขาวมีสีหรือกลิ่นผิดปกติ ปัสสาวะแสบขัด บางรายมีช่องคลอดอักเสบ

อาการโดยรวมจะไม่รุนแรงเท่าเหนองในแท้ แต่ก็ทำให้อาการเรื้อรังและมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้เช่นกัน

การวินิจฉัยสามารถทำได้โดยการตรวจปัสสาวะ หนอง และตกขาว โดยแพทย์จะทำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ

หนองในเทียมสามารถรักษาให้หายขาดได้ และสามารถติดมาใหม่ได้เช่นกัน การรักษาคือการฉีดยาและกินยาปฏิชีวนะ หลังรักษาอาการจะดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว ควรกลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาด้วย นอกจากนี้ควรพาคู่นอนมารักษาด้วยเช่นกัน

ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หากมีความเสี่ยงก็ควรรีบมาตรวจเลือดและรีบทำการรักษาเพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น

หนองในเทียม (Chlamydia) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดขึ้นจากการรับเชื้อแบคทีเรียผ่านจากคู่นอนที่ติดเชื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมูกใสหรือหนองที่บริเวณอวัยวะเพศ หนองในเทียมอาจไม่ปรากฏอาการที่ชัดเจนในผู้ป่วยบางราย และเป็นโรคที่พบมากในวัยรุ่น สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง หนองในเทียมและหนองในแท้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคนละชนิด หนองในแท้เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria Gorrhoese) โดยที่หนองในทั้ง 2 ชนิดจะแสดงอาการคล้ายกัน แต่หนองในเทียมมักไม่ค่อยมีอาการหรือมีอาการรุนแรงน้อยกว่า และมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียนานกว่าหนองในแท้

สาเหตุของหนองในเทียม

หนองในเทียมเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันกับผู้ที่ติดเชื้อ เชื้อสามารถแพร่ติดต่อได้หลายทาง เช่น ทางอวัยวะเพศ ทางทวารหนัก ทางปาก หรือแม้กระทั่งทางตา หากมีสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อกระเด็นใส่ รวมไปถึงการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกในขณะตั้งครรภ์

อาการของหนองในเทียม

อาการของหนองในเทียม ในช่วงแรกอาจจะยังไม่แสดงอาการให้พบเห็น หลังได้รับเชื้อแล้วในระยะเวลา 1-3 สัปดาห์ จะแสดงอาการแตกต่างกันออกไปตามเพศ โดยมีลักษณะดังนี้

อาการหนองในเทียมในเพศชาย โดยครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยในเพศชายจะแสดงอาการดังต่อไปนี้

    • มีมูกใสหรือขุ่นไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ ซึ่งไม่ใช่ปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ
    • มีอาการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
    • รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
    • รู้สึกปวดหรือมีการบวมที่ลูกอัณฑะ

อาการหนองในเทียมในเพศหญิง ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีเพียง 30% ของผู้ป่วยในเพศหญิงที่จะมีอาการ มักแสดงอาการดังต่อไปนี้

    • มีตกขาวลักษณะผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น
    • รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
    • รู้สึกคันหรือแสบร้อนบริเวณรอบอวัยวะเพศ
    • รู้สึกเจ็บท้องน้อยเวลามีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์

สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางอื่น ๆ เช่น ทางทวารหนัก หรือทางปากกับผู้ที่ติดเชื้อ ก็สามารถแสดงอาการได้ คือ เจ็บ ปวด มีเลือดไหล หรือมีหนองที่บริเวณทวารหนัก และรู้สึกเจ็บคอ ไอ หรือมีไข้ สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางปากได้เช่นเดียวกัน

เมื่อสำรวจแล้วพบว่ามีอาการข้างต้น หรือเมื่อรู้ว่าคู่นอนติดเชื้อ ควรหยุดการมีเพศสัมพันธ์และรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษา โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ควรเข้ารับการตรวจหนองในเทียมเป็นประจำทุกปี รวมทั้งผู้ที่มีอายุมากกว่า 25 ปี ที่มีพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์แบบสุ่มเสี่ยง คือมีหลายคู่นอน หรือไม่ป้องกัน

การวินิจฉัยหนองในเทียม

ขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติและพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ป่วย จากนั้นจะทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากบริเวณที่มีการร่วมเพศเพื่อส่งตรวจ การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งสามารถทำได้ 2 วิธี ดังต่อไปนี้

    • การเก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ (Swap Test) คือการใช้ไม้พันสำลีเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งที่บริเวณปากมดลูก ปลายท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือลำคอ เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อ
    • การทดสอบปัสสาวะ (Urine Test) คือการเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วยไปตรวจ ควรเป็นปัสสาวะที่ทิ้งระยะจากการปัสสาวะครั้งล่าสุด 1-2 ชั่วโมง

โดยปกติ การวินิจฉัยโรคจะเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน และจะทราบผลหลังการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งประมาณ 7-10 วัน ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการหรือพบประวัติทางเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงสูง แพทย์จะให้ทำการรักษาทันที

การรักษาหนองในเทียม

การรักษาหนองในเทียมสามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของแบคทีเรีย

ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษาในระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยในเพศหญิงอาจมีอาการติดเชื้อหนองในเทียมขั้นรุนแรง แพทย์อาจจ่ายยาด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือด ในระหว่างนี้ผู้ป่วยควรงดการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา แม้จะมีการใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน และสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาแบบครั้งเดียว ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และรับประทานยาจนครบตามแพทย์สั่ง ถึงแม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม หลังจากนั้น 3 เดือน ควรกลับไปตรวจอีกครั้ง เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเกิดซ้ำ ร่วมกับการตรวจคัดกรองหาเชื้อในคู่นอนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กันภายใน 6 เดือนที่ผ่านมาด้วย

หนองในเทียมในหญิงตั้งครรภ์และเด็ก

หากติดเชื้อหนองในเทียมในระหว่างตั้งครรภ์ อาจเกิดการแพร่เชื้อจากมารดาสู่ทารก ส่งผลทำให้ทารกเกิดการติดเชื้อที่ตาและปอดได้ หากมารดาไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที จะส่งผลให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ หรือแท้งได้ และอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธ์ุทำให้มีบุตรยากอีกด้วย

ภาวะแทรกซ้อนของหนองในเทียม

ภาวะแทรกซ้อนของหนองในเทียมจะแสดงอาการแตกต่างกันออกไปตามเพศของผู้ป่วย โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้

ภาวะแทรกซ้อนในเพศชาย

    • อัณฑะอักเสบหรือต่อมลูกหมากติดเชื้อ หนองในเทียมในเพศชายสามารถแพร่กระจายไปที่ลูกอัณฑะ หลอดเก็บน้ำอสุจิ และต่อมลูกหมาก ทำให้มีอาการปวดหรือบวม มีไข้หนาวสั่น เจ็บที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ปวดเอว และเกิดอาการปวดในระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ อาการนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ ถ้าปล่อยไว้หรือไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาจทำให้เป็นหมันได้
    • ข้ออักเสบ หรือที่รู้จักในชื่อ โรคไรเตอร์ หรือข้ออักเสบไรเตอร์ (Reiter Syndrome) หลังจากเป็นหนองในเทียมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ อาจมีอาการตามมาด้วยคือข้ออักเสบ รวมไปถึงทางเดินปัสสาวะอักเสบ หรือตาอักเสบ อาการนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาแก้อักเสบชนิดไม่ใส่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) จำพวกไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) โดยส่วนมากแล้วอาการนี้จะเกิดในเพศชาย แต่ก็สามารถเกิดในเพศหญิงได้เช่นเดียวกัน

ภาวะแทรกซ้อนในเพศหญิง

    • การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ หนองในเทียมในเพศหญิงสามารถแพร่กระจายไปยังมดลูกและรังไข่ได้ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ปวดท้องน้อยขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกในขณะหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ อาการเหล่านี้จะส่งผลทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยาก ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาการนี้สามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องนาน 2 สัปดาห์

การป้องกันหนองในเทียม

การป้องกันหนองในเทียมที่เห็นผลที่ดีที่สุดคือการลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อ โดยเฉพาะการรับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือปฏิบัติตัวตามวิธีการดังต่อไปนี้

    • ใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ สามารถช่วยป้องกันหนองในเทียมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ถึง 99%
    • มีคู่นอนเพียงคนเดียว การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นหนองในเทียมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
    • หลีกเลี่ยงการสวนล้างภายในร่างกาย โดยเฉพาะในเพศหญิง เพราะจะเป็นการลดจำนวนแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อช่องคลอด และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
    • หนองในเทียมจะไม่ติดต่อผ่านการจูบ การกอด การใช้ช้อนส้อม การใช้สระว่ายน้ำ การใช้ห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำร่วมกับผู้ป่วย
    • ควรหมั่นไปพบแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือด หรือตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ที่มา : https://www.pobpad.com/หนองในเทียม

Relate content :

422894572_706683161447546_1749712271998229747_n

ฉีดวัคซีนงูสวัดที่ glove clinic

S__2465807

ทอนซิลอักเสบจากเริม

03_service

ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)

เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, แล...
S__2236423

ปีนี้มีคนไข้ป่วยด้วยไข้เลือดออกมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา

S__14558014_0

HIV แต่กำเนิด

ประเด็นร้อนที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ที่มีข้อความของนักศึกษาหญิงเปิด...
partial view of biochemist holding test tubes with blood samples

อาการของเอดส์เป็นอย่างไร ทำความรู้จักกับเอดส์

แท้จริงแล้วเอดส์ไม่ใช่โรค หากแต่คือระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV ซึ่ง HIV นั่นเอ...

Tag :

We use cookies to improve performance. and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy and can manage your own privacy by clicking on Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies of each type are available on request, except essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Strictly necessary cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

Save