Search
Close this search box.

โรคเริม / Herpes

โรคเริม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simpextype 1, Herpes Simplex type 2

เริมสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงผ่านทางผิวหนังและเยื่อบุผิว เช่น แผลเริม องคชาต ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก ช่องปาก ลำคอเมื่อติดไวรัสเริมมาแล้ว

ไวรัสเริมมีระยะฟักตัวประมาณ 3-20 วันแผลเริมที่เกิดขึ้นที่ปากหรืออวัยวะเพศหรือทวารหนักจะมีลักษณะคล้ายกัน คือ เป็นตุ่มน้ำใส มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่เป็นแผล ในกรณีที่เป็นครั้งแรกอาการจะหายช้ามาก หากเป็นซ้ำอาการจะไม่รุนแรงเท่ากับครั้งแรกแผลเริมสามารถหายเองได้ภายใน 10-14 วัน แต่เชื้อจะยังไม่หายไป จะอยู่ที่ปลายประสาทใต้ผิวหนัง เมื่อร่างกายอ่อนแอลงหรือมีปัจจัยกระตุ้นก็จะมีแผลตุ่มน้ำใสขึ้นมาอีกได้

โรคเริมสามารถวินิจฉัยด้วยการตรวจโดยแพทย์และสามารถส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการได้ เช่น การตรวจเลือด การเพาะเชื้อ

โรคเริมไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เมื่อแผลเริมหายแล้ว ไวรัสจะอยู่ที่ปลายประสาทใต้ผิวหนัง เมื่อร่างกายอ่อนแอลงหรือมีปัจจัยกระตุ้นก็จะมีแผลตุ่มน้ำใสขึ้นมาอีกได้ การรักษาโรคเริมมีทั้งยากินและยาทาเพื่อบรรเทาอาการและลดความรุนแรงของโรค

ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หากมีความเสี่ยงก็ควรรีบมาตรวจเลือดและรีบทำการรักษาเพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น

เริม (Herpes) คืออาการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) โดยเชื้อไวรัสเริมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

  • เชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ชนิดที่ 1 (Herpes Simplex Virus type 1: HSV-1)
  • เชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ชนิดที่ 2 (Herpes Simplex Virus type 2: HSV-2)

โดยเชื้อไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้จะก่อให้เกิดอาการ เริมที่ปาก (Herpes Simplex) และเริมที่อวัยวะเพศ (Gential Herpes) และสามารถติดต่อกันระหว่างคนสู่คนได้โดยผ่านทางการสัมผัสอย่างใกล้ชิด ทางน้ำลาย น้ำเหลือง หรือผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้

เริมเป็นโรคผิวหนังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสเหล่านี้จะยังคงอยู่ในร่างกายแม้อาการจะสงบลงแล้ว และกลับมาแสดงอาการอีกหากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ

อาการของเริม

โดยรวมแล้วอาการของเริมที่ปาก และเริมที่อวัยวะเพศนั้นค่อนข้างคล้ายกัน โดยจะมีตุ่มน้ำใสบริเวณที่ติดเชื้อ ได้แก่ ปาก อวัยวะเพศ ทวารหนัก บั้นท้าย หรือต้นขา มีอาการเจ็บปวด แสบที่บริเวณแผล หากเป็นการติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการค่อนข้างรุนแรงและหายช้า แต่ถ้าหากเป็นการติดเชื้อซ้ำ อาการจะไม่รุนแรงและหายได้เร็วกว่า

สาเหตุของเริม

เริมมีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus: HSV) เชื้อไวรัสดังกล่าวแบ่งออกเป็น อีก 2 ชนิดย่อย ๆ คือ HSV-1 และ HSV-2 ซึ่งสามารถติดต่อกันได้จากคนสู่คนผ่านการสัมผัสเชื้อโดยตรง ผ่านทางการสัมผัสกับแผล และการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ หรือทางเพศสัมพันธ์และกิจกรรมทางเพศที่ไม่มีการป้องกัน รวมถึงการใช้ของเล่นทางเพศร่วมกันก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้อีกด้วย

การวินิจฉัยเริม

โรคเริมสามารถวินิจฉัยด้วยการตรวจโดยแพทย์ แต่ถ้าหากแพทย์ไม่แน่ใจว่าใช่อาการของเริมหรือไม่แพทย์ก็อาจจะมีการสั่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม เช่น การตรวจเลือด การเพาะเชื้อ เนื่องจากอาการของเริมนั้นค่อนข้างคล้ายกับโรคอื่น ๆ อาทิ โรคงูสวัด แผลร้อนใน การติดเชื้อแบคทีเรีย

การรักษาเริม

ปัจจุบันโรคเริมยังคงเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายสนิทได้ ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วการรักษาโรคเริมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

  • การบรรเทาอาการเจ็บปวด โดยแพทย์อาจสั่งยาบรรเทาอาการปวด ซึ่งแผลจากโรคเริมจะสามารถหายเองได้ภายในเวลา 2-6 สัปดาห์
  • การควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส โดยปกติแล้วเมื่อมีอาการของโรคเริม แพทย์มักจะสั่งใช้ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) หรือยาวาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส และช่วยลดความรุนแรงของอาการ โดยยาเหล่านี้จะอยู่ในรูปของยาชนิดรับประทาน นอกจากนี้ ยาที่มีส่วนประกอบของอะไซโคลเวียร์ที่อยู่ในรูปแบบครีมสำหรับทา ก็ยังนิยมนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการของเริมในขณะที่เป็นได้ด้วย

ภาวะแทรกซ้อนของเริม

ไม่ว่าจะเป็นเริมที่ปากหรือเริมที่อวัยวะเพศ ก็สามารถส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยการติดเชื้ออาจลุกลามไปที่อวัยวะอื่น ๆ เช่นการติดเชื้อที่บริเวณดวงตาทำให้สูญเสียการมองเห็นหรือตาบอด หรือในกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ก็อาจเกิดติดเชื้อที่สมองจนทำให้เกิดสมองอักเสบได้

ไม่เพียงเท่านั้น ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นสตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ และมีอาการแสดงในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด เด็กทารกในครรภ์มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กได้ทั้ง 2 ชนิดในขณะคลอดซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอาจร้ายแรงจนทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นสตรีมีครรภ์ที่เคยมีการติดเชื้อของเริมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

การป้องกันเริม

วิธีการป้องกันเริมที่ดีที่สุด ก็คือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ของใช้ร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ หรือการสัมผัสกับเชื้อโดยตรงอย่างการหอมแก้ม และการจูบ นอกจากนี้การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงยางอนามัยก็สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ได้

สำหรับผู้ป่วยที่เคยมีการติดเชื้อมาก่อนแล้ว ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเนื่องจากเชื้อไวรัสจะโจมตีร่างกายเมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ถ้าหากมีสุขภาพที่แข็งแรงก็จะช่วยให้การติดเชื้อลดลงได้

ที่มา : https://www.pobpad.com/เริม/การรักษาเริม

Relate content :

422894572_706683161447546_1749712271998229747_n

ฉีดวัคซีนงูสวัดที่ glove clinic

S__2465807

ทอนซิลอักเสบจากเริม

03_service

ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)

เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, แล...
S__2236423

ปีนี้มีคนไข้ป่วยด้วยไข้เลือดออกมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา

S__14558014_0

HIV แต่กำเนิด

ประเด็นร้อนที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ที่มีข้อความของนักศึกษาหญิงเปิด...
partial view of biochemist holding test tubes with blood samples

อาการของเอดส์เป็นอย่างไร ทำความรู้จักกับเอดส์

แท้จริงแล้วเอดส์ไม่ใช่โรค หากแต่คือระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV ซึ่ง HIV นั่นเอ...

Tag :

We use cookies to improve performance. and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy and can manage your own privacy by clicking on Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies of each type are available on request, except essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Strictly necessary cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

Save