294/1 Asia Building (11th Floor), Phyathai, Bangkok
ช่องคลอดอักเสบ: สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคทางเพศสัมพันธ์
ช่องคลอดอักเสบเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้หญิง อาการที่พบได้บ่อยคือ ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น คัน และแสบร้อนในช่องคลอด สาเหตุของช่องคลอดอักเสบมีหลากหลาย โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดช่องคลอดอักเสบคือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพสืบพันธุ์และระบบสืบพันธุ์ได้อย่างรุนแรง
ความเข้าใจเกี่ยวกับช่องคลอดอักเสบ
ช่องคลอดเป็นอวัยวะที่มีความอ่อนไหวต่อการติดเชื้อ เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่ชื้นและอบอุ่น ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ เมื่อเกิดการติดเชื้อในช่องคลอด จะทำให้เกิดอาการอักเสบตามมา
สาเหตุของช่องคลอดอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคทางเพศสัมพันธ์
เชื้อแบคทีเรีย
หนองในเทียม (Chlamydia): เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยที่สุดชนิดหนึ่ง เชื้อ Chlamydia trachomatis สามารถเข้าไปติดเชื้อในช่องคลอด ทำให้เกิดอาการอักเสบ มีตกขาวสีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเหม็น และปวดท้องน้อย
หนองใน (Gonorrhea): เชื้อ Neisseria gonorrhoeae เป็นสาเหตุของโรคหนองใน ซึ่งสามารถติดเชื้อในช่องคลอดได้เช่นกัน ทำให้มีอาการตกขาวสีเหลืองเขียว มีกลิ่นเหม็น ปวดท้องน้อย และปัสสาวะแสบขัด
เชื้อไวรัส
Herpes Simplex Virus (HSV): เชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์สามารถทำให้เกิดตุ่มพองที่บริเวณอวัยวะเพศ รวมถึงช่องคลอด ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน และมีตกขาว
Human Papillomavirus (HPV): เชื้อ HPV เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่ และมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งปากมดลูก หากเชื้อ HPV เข้าไปติดเชื้อในช่องคลอด อาจทำให้เกิดการอักเสบและมีตกขาวผิดปกติ
เชื้อรา
Candida albicans: เชื้อราก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดช่องคลอดอักเสบ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน อาการที่พบได้บ่อยคือ คันในช่องคลอด ตกขาวเป็นก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่น และแสบร้อน
Trichomonas vaginalis: เป็นปรสิตชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ และทำให้เกิดการอักเสบในช่องคลอด อาการที่พบได้บ่อยคือ ตกขาวสีเหลืองเขียว มีฟอง มีกลิ่นเหม็น และคัน
อาการของช่องคลอดอักเสบที่เกิดจากโรคทางเพศสัมพันธ์
- ตกขาวผิดปกติ: มีสี กลิ่น และปริมาณที่เปลี่ยนไป อาจมีลักษณะเป็นฟอง หรือเป็นก้อน
- คันและแสบร้อนในช่องคลอด: อาการนี้อาจรุนแรงขึ้นหลังมีเพศสัมพันธ์
- ปวดท้องน้อย: อาจมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง หรือปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ปัสสาวะแสบขัด: อาจมีอาการปัสสาวะบ่อย หรือปวดขณะปัสสาวะ
- มีเลือดออกผิดปกติ: อาจมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออกนอกรอบเดือน
- มีตุ่มพองหรือแผลที่อวัยวะเพศ: ในกรณีที่ติดเชื้อไวรัส เช่น เฮอร์ปีส์
ผลกระทบของช่องคลอดอักเสบที่เกิดจากโรคทางเพศสัมพันธ์
- ความเจ็บปวด: อาการคัน แสบร้อน และปวดท้องน้อย ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
- ภาวะแทรกซ้อน: หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การอักเสบของอวัยวะเพศส่วนบน การมีบุตรยาก และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV
- ความสัมพันธ์: ปัญหาทางเพศและอาการเจ็บปวดอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่ควบ
การวินิจฉัยและการรักษา
- การวินิจฉัย: แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจสารคัดหลั่งจากช่องคลอดเพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อ
- การรักษา: การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ โดยทั่วไปจะใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาเชื้อแบคทีเรีย และยาต้านไวรัสในการรักษาเชื้อไวรัส
การป้องกัน
- ปฏิบัติสุขอนามัยส่วนบุคคล: ทำความสะอาดอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาดและสบู่
- ใช้ถุงยางอนามัย: การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีเป็นการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีที่สุด
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: ควรตรวจสุขภาพสตรีเป็นประจำเพื่อตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในระยะเริ่มต้น
- มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียว: การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียวจะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ช่องคลอดอักเสบที่เกิดจากโรคทางเพศสัมพันธ์เป็นปัญหาสุขภาพที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากคุณมีอาการผิดปกติในช่องคลอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
ตรวจช่องคลอดอักเสบที่ Glove Clinic
ที่อยู่: 294/1 อาคารเอเชีย (ขั้น 11 unit K) ถนนพญาไท ราชเทวี กรุงเทพมหานคร
โทรเลย: (+66) 02-219-3092, (+66) 092-414-9254
ส่งเมล์: info@gloveclinic.com
Make Appointment