ยาต้าน HIV: คู่มือครบวงจรเพื่อความเข้าใจและการป้องกันที่ Glove Clinic

ในยุคปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้การติดเชื้อ HIV ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ยาต้าน HIV ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการควบคุมเชื้อ ลดการแพร่กระจาย และช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บทความนี้ Glove Clinic จะพาคุณไปทำความรู้จักกับยาต้าน HIV ในทุกแง่มุม เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

ยาต้าน HIV มีแบบไหนบ้าง?

เมื่อพูดถึง ยาต้าน HIV จริงๆ แล้วหมายรวมถึงยาหลายประเภทที่มีจุดประสงค์ต่างกัน แบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้:

ยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy – ART): สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV 

ยา ART คือยาที่ใช้รักษาผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV แล้ว โดยจะเข้าไปยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสในร่างกาย ทำให้ปริมาณเชื้อลดลงจนถึงระดับที่ตรวจไม่พบ (Undetectable = Untransmittable หรือ U=U) ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันฟื้นตัวและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับ HIV อย่างรุนแรง ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยาต้าน HIV เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตลอดชีวิตภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อควบคุมเชื้อให้อยู่ในภาวะสงบและมีสุขภาพที่ดี

• สูตรยา: มีหลายกลุ่มและหลายสูตรยาที่แพทย์จะพิจารณาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เช่น กลุ่ม NRTI, NNRTI, PI, INSTI เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะรวมยาหลายชนิดไว้ในเม็ดเดียว เพื่อความสะดวกในการรับประทาน
• ประสิทธิภาพ: การรับประทานยา ART อย่างสม่ำเสมอ สามารถยับยั้งเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ทำให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพใกล้เคียงคนทั่วไป
• ผลข้างเคียง: อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงแรก เช่น คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ซึ่งมักจะดีขึ้นเอง หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์

ยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ (Pre-Exposure Prophylaxis – PrEP)

สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง PrEP คือยาที่ใช้ป้องกัน HIV ก่อน ที่จะสัมผัสกับเชื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ HIV แต่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน, มีคู่นอนที่ติดเชื้อ HIV และมีเชื้อไวรัสในปริมาณที่ตรวจพบได้ (viral load detectable), หรือมีการใช้สารเสพติดแบบฉีด การรับประทาน PrEP อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้สูงถึง 99%

• รูปแบบการใช้:
  • Daily PrEP: รับประทานวันละ 1 เม็ด ทุกวันอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสม่ำเสมอ
  • On-Demand PrEP (2-1-1): รับประทานเฉพาะช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ โดยทาน 2 เม็ดก่อนมีเพศสัมพันธ์ 2-24 ชั่วโมง, 1 เม็ดหลัง 24 ชั่วโมง, และอีก 1 เม็ดหลัง 24 ชั่วโมง (รวม 4 เม็ดใน 3 วัน) เหมาะสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งคราว
• ประโยชน์: ช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและลดความกังวลเรื่องการติดเชื้อ HIV
• ข้อควรระวัง: PrEP ไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ หรือการตั้งครรภ์

ยาป้องกันหลังการสัมผัสเชื้อ (Post-Exposure Prophylaxis – PEP)

สำหรับกรณีฉุกเฉินหลังสัมผัสความเสี่ยง ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน หรือ PEP คือยาที่ใช้ป้องกัน HIV หลัง จากมีการสัมผัสเสี่ยงไปแล้ว เช่น ถุงยางอนามัยแตก, มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันกับผู้ที่อาจมีเชื้อ HIV, ถูกเข็มตำ, หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ ยาต้าน HIV ฉุกเฉินต้องกินภายในระยะเวลาเท่าไหร่? สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเริ่มรับประทานยา PEP ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังการสัมผัสความเสี่ยง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใน 24-36 ชั่วโมงแรก และต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลา 28 วัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ยาต้าน HIV แบบฉีดคืออะไร?

นอกจากยาต้าน HIV แบบเม็ดที่ต้อง กินยาต้าน HIV ทุกวันแล้ว ปัจจุบันยังมียาต้าน HIV ในรูปแบบฉีด ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการป้องกันและรักษา:

ยา PrEP แบบฉีด (Injectable PrEP):

• คืออะไร: เป็นยาต้านไวรัสชนิดออกฤทธิ์ยาว (Long-Acting Antiretroviral Drugs) ที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพื่อป้องกัน HIV
• ยาต้าน HIV แบบฉีดต้องฉีดบ่อยแค่ไหน: โดยทั่วไปจะฉีดครั้งแรกและครั้งที่สองห่างกัน 4 สัปดาห์ จากนั้นฉีดทุก 2 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่อาจลืมรับประทานยาเม็ดทุกวัน หรือต้องการทางเลือกที่สะดวกกว่า
• ประโยชน์: ลดภาระการรับประทานยาทุกวัน ช่วยเพิ่มการยึดมั่นในการใช้ยา (adherence) และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ยา ART แบบฉีด (Injectable ART):

• คืออะไร: เป็นยาต้านไวรัสชนิดออกฤทธิ์ยาวสำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV แล้ว และต้องการทางเลือกนอกเหนือจากการรับประทานยาทุกวัน
• ยาต้าน HIV แบบฉีดต้องฉีดบ่อยแค่ไหน: ความถี่ในการฉีดจะแตกต่างกันไปตามชนิดของยา โดยบางชนิดอาจฉีดทุก 1 เดือน หรือทุก 2 เดือน (เช่น Cabotegravir + Rilpivirine) ผู้ป่วยจะยังคงต้องรับประทานยาเม็ดในช่วงแรกก่อนเปลี่ยนมาเป็นยาฉีด

การใช้ยาต้าน HIV แบบฉีดทั้ง PrEP และ ART ยังคงต้องอยู่ภายใต้การดูแลและประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ยาต้าน HIV ฉุกเฉินราคาเท่าไหร่?

สำหรับ ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน ราคา อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สูตรยาที่ใช้ สถานพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และรวมถึงการตรวจเลือดที่จำเป็นก่อนและหลังรับยา

โดยทั่วไป ราคาของ ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน (PEP) สำหรับการรับประทานต่อเนื่อง 28 วัน พร้อมกับการตรวจเลือดและค่าปรึกษาแพทย์ อาจมีราคาประมาณ 2,000 – 5,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ ราคานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามจากสถานพยาบาลโดยตรง

ซื้อยาต้าน HIV จาก Glove Clinic ต้องทำยังไงบ้าง?

ไม่ว่าคุณจะสนใจ ยาต้าน HIV ประเภทใด ไม่ว่าจะเป็น PrEP เพื่อการป้องกัน, PEP สำหรับเหตุฉุกเฉิน หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการรักษา ART Glove Clinic พร้อมให้บริการด้วยความเข้าใจและเป็นส่วนตัว

ขั้นตอนการรับบริการที่ Glove Clinic:

1. ติดต่อ Glove Clinic: คุณสามารถโทรนัดหมายหรือส่งอีเมลเพื่อปรึกษาเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ของเรา
   • โทรเลย: (+66) 02-219-3092, (+66) 092-414-9254
   • ส่งเมล์: info@gloveclinic.com
2. เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราจะทำการซักประวัติพฤติกรรมเสี่ยง ประเมินความเหมาะสมของยาแต่ละประเภท และตอบทุกข้อสงสัยของคุณ
3. ตรวจสุขภาพ: อาจมีการตรวจเลือดเพื่อยืนยันสถานะ HIV ตรวจการทำงานของไต หรือตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเหมาะสมกับการใช้ยาและได้รับยาที่ปลอดภัยที่สุด
4. รับยาและคำแนะนำ: หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม คุณจะได้รับยาพร้อมคำแนะนำในการรับประทาน การปฏิบัติตัว และการติดตามผลอย่างละเอียด
5. ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง: การนัดหมายเพื่อติดตามผลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่ายาทำงานได้ดีและไม่มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

Glove Clinic ทางคลินิคพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องหนองใน
ที่อยู่: 294/1 อาคารเอเชีย (ขั้น 11 unit K) ถนนพญาไท ราชเทวี กรุงเทพมหานคร
โทรเลย: (+66) 02-219-3092, (+66) 092-414-9254
ส่งเมล์: info@gloveclinic.com

ยาต้าน HIV มีบทบาทสำคัญในการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อ HIV ทั้งสำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้วและผู้ที่มีความเสี่ยง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาแต่ละประเภท ตั้งแต่ ยาต้าน HIV แบบฉีด ไปจนถึง ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน และราคาของมัน จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเพื่อดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างมั่นใจที่สุด หากมีข้อสงสัยหรือต้องการรับคำปรึกษาเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะติดต่อ Glove Clinic เราพร้อมดูแลคุณ