294/1 Asia Building (11th Floor), Phyathai, Bangkok

การป้องกันภัยเงียบด้วยการฉีดวัคซีน HPV

Human papillomavirus (HPV) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพต่างๆ รวมถึงหูดที่อวัยวะเพศและมะเร็งบางชนิด อย่างไรก็ตาม มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับภัยเงียบนี้ นั่นคือ วัคซีน HPV 

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ HPV:

HPV หมายถึงกลุ่มของไวรัสที่ติดเชื้อในผิวหนังและเยื่อเมือก ส่วนใหญ่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และใครก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ เชื้อ HPV มีมากกว่า 100 ชนิด โดยบางสายพันธุ์มีความเสี่ยงสูงในการก่อให้เกิดมะเร็ง และเชื้ออื่นๆ ที่ก่อให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ

ความสำคัญของการฉีดวัคซีน HPV:

  1. การป้องกันมะเร็งปากมดลูก: การติดเชื้อ HPV เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก การฉีดวัคซีนสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่คุกคามชีวิตนี้ได้อย่างมาก เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเยาวชน ทั้งชายและหญิงที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์
  2. การป้องกันมะเร็งอื่นๆ: นอกจากมะเร็งปากมดลูกแล้ว HPV ยังสามารถก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น มะเร็งทวารหนัก ช่องคลอด ปากช่องคลอด องคชาติ และมะเร็งช่องปาก (คอ) การฉีดวัคซีนทำให้แต่ละคนมีโอกาสเกิดมะเร็งเหล่านี้น้อยลงในภายหลัง
  3. การป้องกันหูดที่อวัยวะเพศ: สายพันธุ์ HPV ที่ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศนั้นติดต่อได้สูง วัคซีนป้องกันสายพันธุ์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อและการเกิดหูดที่อวัยวะเพศ
  4. Herd Immunity: การฉีดวัคซีน HPV ไม่เพียงแต่ปกป้องผู้ที่ได้รับวัคซีนเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อีกด้วย โดยการลดความชุกของเชื้อ HPV ในชุมชน วัคซีนจะช่วยปกป้องบุคคลที่ไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้เนื่องจากเหตุผลทางการแพทย์

ความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีน:

การวิจัยอย่างกว้างขวางและการทดลองทางคลินิกจำนวนมากได้แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยและประสิทธิผล ของวัคซีนเอชพีวี วัคซีนนี้แนะนำสำหรับทั้งชายและหญิง โดยทั่วไปแล้วฉีดสองหรือสามครั้งในช่วงหลายเดือน ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (หากมี) จะไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว เช่น อาการเจ็บบริเวณที่ฉีด

วัคซีน HPV เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ HPV รวมถึงมะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศ โดยการฉีดวัคซีน บุคคลต่างๆ ไม่เพียงแต่ป้องกันตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ HPV ในชุมชนโดยรวมอีกด้วย ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีน HPV และความเหมาะสมสำหรับคุณหรือคนที่คุณรักไม่ว่าเพศใดก็ตาม เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอครับ

สำหรับท่านที่สนใจ หรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัส HPV เพิ่มเติมสามารถติดต่อโกลฟคลินิกได้ทาง Line Official (@gloveclinic) หรือ inbox ผ่านเพจ Glove Clinic หรือโทร 092-414-9254

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ ปรึกษากับผู้ให้บริการด้านสุขภาพเสมอเพื่อขอคำแนะนำส่วนบุคคลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนและปัญหาด้านสุขภาพ

ความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับไวรัส HPV

  1. ปัจจุบันทราบดีว่าไวรัส HPV คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ของผู้หญิง จากข้อมูลทางสถิติพบว่าในปีค.ศ. 2020 ทั่วโลกจะมีผู้หญิงที่เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกถึง 6 แสนคน
  2. HPV (Humanpapilloma virus) สามารถติดต่อกันได้ง่ายโดยการสัมผัสหรือมีเพศสัมพันธ์ โดยที่ผู้รับเชื้อนั้นอาจจะไม่แสดงอาการอะไรเลย หรืออาจจะเกิดก้อนเนื้อที่ไม่ใช่มะเร็งตรงบริเวณที่เชื้อไวรัสเข้าไปหรือที่เรียกกันว่าหูด หรืออาจจะทำให้เซลล์บริเวณนั้นแบ่งตัวผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งพบได้ทั้งมะเร็งปากมดลูก, มะเร็งทวารหนัก, มะเร็งองคชาติ, และมะเร็งคอหอย
  3. ในช่วง 40 ปีก่อน (สมัยค.ศ. 1970-1980) ยังเชื่อกันว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกก็คือฮอร์โมน, กรรมพันธุ์, หรือไวรัสเริม (Herpes Simplex virus type 2) จนกระทั่งแพทย์และนักไวรัสวิทยาชาวเยอรมัน Harald zur Hausen มาเป็นคนที่เปลี่ยนความเชื่อนี้
  4. ในปีค.ศ. 1984 Harald zur Hausen ในตีพิมพ์งานวิจัยที่แสดงการตรวจพบไวรัส HPV ในกลุ่มคนไข้มะเร็งปากมดลูกและอีกทั้งยังช่วยพิสูจน์ว่า HPV สามารถก่อมะเร็งได้ที่อวัยวะเพศของทั้งเพศชายและเพศหญิง แม้ว่าผลงานของคุณหมอ zur Hausen จะไม่ได้รับการยอมรับในช่วงแรกจากความเชื่อที่กล่าวมา แต่สุดท้าย Harald zur Hausen ได้รับการยกย่องในการค้นพบนี้และได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในปีค.ศ. 2008
  5. ต่อมาในปีค.ศ. 1991 นักวิจัยชาวออสเตรเลียและชาวจีน Ian Frazer และ Jian Zhou ได้ทำการศึกษาที่ University of Queensland โดยศึกษาโปรตีนที่มีความคล้ายคลึงชิ้นส่วนของไวรัส HPV (virus-like particle หรือ VLP) เพื่อนำไปทดลองใช้เป็นวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV
  6. ในที่สุดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV (Gardasil จากบริษัท MSD) จึงได้รับการยอมรับและมีการให้ฉีดในเด็กผู้หญิงและผู้ชายในปีค.ศ. 2006 โดยเริ่มใช้ที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียก่อนที่จะมีใช้กันอย่างแพร่หลายกันทั่วโลก
  7. เริ่มแรกวัคซีนป้องกันไวรัส HPV สามารถครอบคลุมไวรัสได้ 4 สายพันธุ์ (6, 11, 16, 18) ซึ่งเลือกจากสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็งได้บ่อย โดยสถิติบอกว่าพบสายพันธุ์ 16 และ 18 ราว 70% ของคนไข้มะเร็งปากมดลูก และพบถึง 90% ของคนไข้มะเร็งทวารหนัก
  8. ในปีค.ศ. 2014 จึงได้มีการนำวัคซีนป้องกันไวรัส HPV รุ่นใหม่มาใช้ ซึ่งสามารถครอบตลุมได้ 9 สายพันธุ์ (Gardasil 9) ซึ่งนอกจาก 4 สายพันธุ์ที่มีอยู่เดิม บริษัทยาได้เพิ่ม 5 สายพันธุ์ที่เป็นเหตุให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้อีก 20% (31, 33, 45, 52, 58)
  9. นอกจากวัคซีนป้องกันไวรัส HPV จะสามารถใช้ป้องกันมะเร็งที่เกิดจาก HPV ได้แล้ว ยังมีข้อมูลที่บอกว่าวัคซีนยังช่วยป้องกันหูดซึ่งเป็นโรคเกิดจาก HPV เช่นกันรวมถึงเอาวัคซีนมาร่วมใช้เพื่อช่วยให้การรักษาหูดได้ผลมากยิ่งขึ้น
  10. ปัจจุบันช่วงอายุที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีและสฉีดได้จนถึงอายุ 45 ปีจากเดิมที่เคยแนะนำให้ฉีดถึงแค่อายุ 26 ปี โดยสามารถให้ได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย และให้ฉีด 3 เข็มภายในระยะเวลา 6 เดือน

สำหรับท่านที่สนใจ หรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัส HPV เพิ่มเติมสามารถติดต่อโกลฟคลินิกได้ทาง Line Official (@gloveclinic) หรือ inbox ผ่านเพจ Glove Clinic หรือโทร 092-414-9254

Make Appointment

Relate content :

ยาต้าน HIV: ก้าวสำคัญสู่ชีวิตที่มีคุณภาพ

ยาต้าน HIV: ก้าวสำคัญสู่ชีวิตที่มีคุณภาพ ยาต้าน HIV หรือยาต้านไวรัสเอชไอวี คือกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ยาเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสเอชไอวีในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน ทำไมต้องใช้ยาต้าน HIV ยาต้าน HIV ทำงานอย่างไร ยาต้าน HIV ทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ไวรัสเอชไอวีต้องการในการเพิ่มจำนวนตัวเอง เมื่อไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะสามารถต่อสู้กับเชื้อได้ดีขึ้น ประเภทของยาต้าน HIV การเลือกใช้ยาต้าน HIV การเลือกใช้ยาต้าน HIV ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น: การใช้ยาต้าน HIV ร่วมกับยาอื่นๆ ยาต้าน HIV บางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ที่ผู้ป่วยกำลังรับประทานอยู่ ดังนั้นจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่กำลังรับประทานอยู่ทั้งหมดก่อนเริ่มรับประทานยาต้าน HIV ผลข้างเคียงของยาต้าน HIV ยาต้าน HIV อาจมีผลข้างเคียงบ้าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหายไปเอง หรือสามารถบรรเทาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนขนาดยาหรือเปลี่ยนชนิดยา การใช้ยาต้าน HIV ชีวิตหลังการเริ่มใช้ยาต้าน HIV การใช้ยาต้าน HIV…

โรคหนองใน: ภัยเงียบที่คุณไม่ควรเพิกเฉย

โรคหนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะเพศ ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และทวารหนัก

ตรวจ HIV: ก้าวแรกสู่สุขภาพที่ดี

HIV หรือ Human Immunodeficiency Virus เป็นไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอต่อโรคติดเชื้อต่าง ๆ การตรวจ HIV เป็นวิธีที่ง่ายและไม่เจ็บปวด สามารถช่วยให้คุณรู้สถานะสุขภาพของคุณได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำไมต้องตรวจ HIV? วิธีการตรวจ HIV ผลการตรวจ HIV หากผลการตรวจ HIV เป็นบวก การรู้ว่าผลการตรวจ HIV เป็นบวก อาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ขอให้คุณรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว และมีทางออกเสมอ การได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและเริ่มการรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สามารถช่วยให้ผู้ติดเชื้อ HIV มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยืดอายุขัยได้ เมื่อได้รับผลตรวจ HIV เป็นบวก คุณควร: การรักษา HIV ปัจจุบันมียาต้านไวรัส HIV ที่สามารถช่วยให้ผู้ติดเชื้อ HIV มีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้ ยาต้านไวรัส HIV จะช่วยลดปริมาณไวรัสในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน ชีวิตหลังการตรวจพบ HIV การใช้ชีวิตกับ HIV อาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ด้วยการรักษาที่เหมาะสมและการดูแลสุขภาพที่ดี คุณสามารถมีชีวิตที่ปกติได้ การดูแลสุขภาพที่ดีสำหรับผู้ติดเชื้อ…

ฉีดวัคซีนงูสวัดที่ glove clinic

งูสวัดคือไวรัสชนิดหนึ่ง (Herpes zoster) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสตัวเดียวกันกับอีสุกอีใส (Varicella zoster) เมื่อเราติดเชื้อไวรัสอีสุกใสในวัยเด็กแล้ว ไวรัสสามารถที่จะหลบซ่อนได้ในร่างกายเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งเมื่อร่างกายอ่อนแอ ไวรัสนั้นจึงออกมาทำให้เกิดอาการตุ่มน้ำใส ปวดแสบร้อนตามบริเวณที่เส้นประสาทต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งเรียกกันว่างูสวัด . ไวรัสงูสวัดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อของเส้นประสาทตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย โดยอาการของงูสวัดนั้น ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดแสบร้อนนำมาก่อน โดยอาการดังกล่าวก็คืออาการเส้นประสาทอักเสบจากไวรัสงูสวัดนั่นเอง . หลังจากอาการปวดแสบร้อน ก็จะมีตุ่มน้ำใสขึ้นตรงบริเวณที่ปวด ระยะนี้เชื้อสามารถแพร่กระจายให้ผู้อื่นได้ โดยถ้าผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสทันเวลา ก็จะทำให้ตุ่มน้ำขึ้นไม่มาก และสามารถลดระยะเวลาของอาการปวดได้อีกด้วย โดยอาการปวดเส้นประสาทหลังติดเชื้อไวรัสงูสวัดนั้นสามารถเป็นเรื้อรัง และจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดปลายประสาทในการรักษาเป็นเวลานานจนกว่าอาการจะดีขึ้นได้ . วัคซีนงูสวัด (Shingrix) สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถป้องกันการปวดปลายประสาทที่เกิดหลังการติดเชื้องูสวัดได้อีกด้วย โดยประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของวัคซีนงูสวัด (Shingrix) นั้นสูงอย่างน้อย 90 % และระดับภูมิคุ้มกันต่องูสวัดหลังฉีดวัคซีนจะอยู่ไปนานอย่างน้อย 7 ปีหลังจากที่ฉีด . คำแนะนำสำหรับบุคคลทั่วไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ได้ตั้งแต่เมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ในกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังที่อาจทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องและติดเชื้อได้ง่าย โดยการฉีดวัคซีนงูสวัด…

ทอนซิลอักเสบจากเริม

ทอนซิลอักเสบจากเริม เริมหรือ herpes simplex เป็นไวรัสที่ติดต่อได้จากการการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่มีเชื้อเริมมักจะไม่มีอาการ และไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ และอาจมีตุ่มน้ำใสแตกเป็นแผลเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ อาการที่พบบ่อยคือตุ่มน้ำมาที่บริเวณริมฝีปาก หรือที่บริเวณอวัยวะเพศ.โดยในรายที่รับเชื้อเริมจากออรัลเซ็กส์ ก็อาจจะทำให้เกิดแผลที่ทอนซิล มีอาการเหมือนทอนซิลอักเสบจนเป็นหนองได้ ตัวอย่างทอนซิลในภาพนี้ ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้และเจ็บคอมากหลังจากมีเพศสัมพันธ์มา 4-5 วัน โดยได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจากหมอหูคอจมูกมาหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงได้มา swab PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ glove clinic ผลตรวจพบเชื้อ Herpes simplex virus type 2.เชื้อเริมสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัส ในรายนี้หลังกินยาต้านไวรัสแล้วพบว่าหนองที่คอลดลงอย่างรวดเร็วหลังกินยาไปเพียง 2-3 วัน (ดังภาพ) รวมทั้งอาการเจ็บคอดีขึ้นมากเป็นลำดับ.การตรวจ PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นการตรวจที่แม่นยำ และสามารถตรวจหาเชื้อก่อโรคได้หลายเชื้อในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหนองในแท้, หนองในเทียม, เริม, รวมถึงเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ โดยการตรวจใช้เวลา 1-2 วันจึงจะได้ผล และสามารถตรวจได้แม้จะไม่มีอาการก็ตาม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 092-414-9254 หรือ Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)

ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)

เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, และการติดจากแม่สู่ลูก เมื่อติดเชื้อไวรัส HIV ไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ง่าย

Tag :

We use cookies to improve performance. and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy and can manage your own privacy by clicking on Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies of each type are available on request, except essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Strictly necessary cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

Save