อาการของ HIV

โดยทั่วไปอาการของผู้ติดเชื้อ HIV มักจะขึ้นกับระยะของการติดเชื้อของแต่ละคน โดยสามารถแบ่งได้เป็นระยะติดเชื้อฉับพลัน ​(acute HIV infection), ระยะที่ไม่มีอาการ (asymptomatic HIV infection) และระยะที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือที่ชอบเรียกกันว่าโรคเอดส์ (AIDS or Advanced Immunodeficiency Syndrome)

ระยะของอาการ HIV

อาการในระยะติดเชื้อฉับพลัน 

อาจพบได้ในคนไข้บางคนที่เพิ่งได้รับเชื้อไวรัส HIV มาประมาณ 10-14 วันโดยคนไข้อาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ กล่าวคือ ไข้สูง, เจ็บคอ, ปวดเมื่อยตัว บางรายอาจมีท้องเสียหรือผื่นตามตัวร่วมด้วย ตรวจร่างกายจะพบมีต่อมน้ำเหลืองโต โดยคนไข้ที่มีอาการติดเชื้อ HIV ในระยะนี้อาจถูกวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือไข้เลือดออก ดังนั้นหากมีเซ็กส์ที่ไม่ได้ป้องกันในระยะเวลาที่เข้าได้ ก็ควรจะแจ้งแพทย์ผู้ตรวจเพื่อการตรวจวินิจฉัยให้แน่นอน

ระยะที่ไม่มีอาการ 

ซึ่งผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระยะนี้ ซึ่งเป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันยังไม่ตก ดังนั้นจึงยังไม่มีอาการของการติดเชื้อฉวยโอกาส (opportunistic infection) หลังจากการรับเชื้อ HIV ในระยะแรกเข้าไป คนไข้จะยังสามารถอยู่ในระยะนี้ได้หลายปี โดยไม่แสดงอาการอะไรเลย ค่า CD4 ส่วนใหญ่จะยังเกิน 300-400 ขึ้นไป ทั้งนี้การที่ภูมิคุ้มกันจะตกเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวคนไข้เอง, ปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกาย, โรคประจำตัว, อายุ, รวมถึงไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วย

ระยะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเอดส์

หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและเริ่มยาต้านไวรัส ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV จะเริ่มมีอาการของภูมิคุ้มกันบกพร่อง (ส่วนใหญ่เกิดใน 3-5 ปีหลังจากรับเชื้่อไวรัส) ซึ่งในช่วงแรกอาจจะเริ่มมีอาการท้องเสียเป็น ๆ หาย ๆ, ไอเรื้อร้ง รวมถึงผื่นแพ้ง่ายคลายตุ่มยุงกัด และเมื่อภูมิคุ้มกันบกพร่องจนค่า CD4 ต่ำกว่า 200 แล้ว คนไข้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาสอย่างเช่น วัณโรค (ไอเรื้อรัง, ไข้สูง, นำ้หนักลด), เชื้อราในช่องปาก (ฝ้าขาวบนลิ้นและกระพุ้งแก้ม), ปอดอักเสบจากเชื้อรา (ไอแห้ง, ไข้สูง, หายใจไม่อิ่ม) เป็นต้น ระยะเอดส์เป็นระยะที่คนไข้ต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาด้วยยาต้านไวรัส และยาปฏิชีวนะสำหรับโรคแทรก ซึ่งถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที คนไข้สามารถฟื้นภูมิคุ้มกันตัวเองจนร่างกายแข็งแรงและสามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้

การรักษาผู้ติดเชื้อ HIV

การรักษาจะได้ผลดีที่สุดหากได้เริ่มยาต้านไวรัสตั้งแต่คนไข้ยังไม่แสดงอาการของโรคแทรกซ้อน ดังนั้นการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัส HIV สำหรับทุกคนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจึงสามารถช่วยลดโอกาสที่จะเกิดภูมิคุ้มกันบกพร่องในผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV

Relate content :

mkp01_0

ฝีดาษลิง อาการและการรักษา

S__1941512_0

การป้องกันภัยเงียบด้วยการฉีดวัคซีน HPV

S__13721667_0

การตรวจ รักษา ซิฟิลิส

353394554_590632263052637_3422602478844547081_n

รู้จักยา PrEP ทุกยี่ห้อในไทย

356702789_599533022162561_2739036096702400976_n

ยาต้านไวรัส HIV ในประเทศไทย

ปัจจุบันยาต้านไวรัส HIV ได้ถูกพัฒนาจากสูตรยาต้านเดิมที่เคยใช้เมื่อ 10-20 ปีก่...
355681288_595736549208875_88789546690169589_n

อาการของ HIV

โดยทั่วไปอาการของผู้ติดเชื้อ HIV มักจะขึ้นกับระยะของการติดเชื้อของแต่ละคน โดย...

Tag :

We use cookies to improve performance. and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy and can manage your own privacy by clicking on Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies of each type are available on request, except essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Strictly necessary cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

Save