294/1 Asia Building (11th Floor), Phyathai, Bangkok

ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)

เอชไอวี (HIV) คืออะไร

เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, และการติดจากแม่สู่ลูก เมื่อติดเชื้อไวรัส HIV ไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ง่าย จนกระทั่งมีโอกาสเสียชีวิตได้ ปัจจุบันการตรวจและการรักษาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้พัฒนาไปมากจนสามารถตรวจหาเชื้อได้ง่าย และมีความแม่นยำอีกด้วย ส่วนในแง่การรักษาก็เช่นกัน ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถกินยาต้านไวรัสให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงและสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ไม่ต่างจากคนทั่วไป

เมื่อไหร่ที่ควรตรวจเอชไอวี (HIV test)

เนื่องจากการตรวจ HIV ทำได้ง่ายและมีความแม่นยำสูง ในหลายประเทศจึงได้จัดให้การตรวจเอชไอวีอยู่ในหมวดหมู่การตรวจสุขภาพทั่วไป อย่างไรก็ดีเราแนะนำให้ตรวจ HIV สำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังนี้

  1. เมื่อมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน 
  2. เมื่อสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัส
  3. เมื่อมีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  4. เมื่อวางแผนมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับคนรักอย่างปลอดภัย
  5. เมื่อวางแผนสมรสรวมถึงมีบุตรและตั้งครรภ์
  6. เมื่อใช้ชีวิตร่วมกับคู่ที่มีผลเลือดต่างกัน
  7. เมื่อต้องการตรวจเช็คสุขภาพทั่วไป

ความแม่นยำของการตรวจ HIV

ความแม่นยำของการตรวจ HIV ขึ้นกับชนิดการตรวจที่ใช้และระยะเวลาหลังมีความเสี่ยง โดยทั่วไปการตรวจเอชไอวีปัจจุบันเราใช้วิธีตรวจที่เรียกว่า 4th Generation HIV test หรือในวงการแพทย์มักเรียกสั้น ๆ กันว่า 4th gen วิธีตรวจนั้นมีความแม่นยำมากถึง 99% โดยผลตรวจน่าเชื่อถือตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ขึ้นไปหลังจากที่มีความเสี่ยง

ในทางปฏิบัตินั้นยังมีการใช้ชุดตรวจที่เป็น 3rd generation อยู่บ้าง ซึ่งข้อดีก็คือราคาถูกกว่าโดยวิธีตรวจ 3rd generation นั้นจะมีความแม่นยำหากความเสี่ยงเกิดขึ้นตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป

ส่วนในรายที่เพิ่งมีความเสี่ยงมาได้ 3-5 วันและมีความกังวล ต้องการที่จะรู้ผลในเวลานั้น ชุดตรวจที่เราจะเลือกใช้ก็คือ NAAT หรือ HIV PCR ซึ่งเป็นการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสเอชไอวี ซึ่งวิธี NAAT หรือ HIV PCR นั้นสามารถตรวจพบเชื้อไวรัสหลังมีความเสี่ยงได้ตั้งแต่ 5-7 วันขึ้นไป ทั้งนี้การตรวจ NAAT หรือ HIV PCR มีข้อดีคือสามารถตรวจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังมีความเสี่ยงแต่อย่างไรก็ตามควรต้องมีการติดตามตรวจเพื่อคอนเฟิร์มด้วยวิธี 4th generation เพราะเป็นมาตรฐานในการตรวจหาเชื้อเอชไอวี

ระยะเวลาในการทราบผลตรวจ HIV

ปัจจุบันวิธีตรวจ HIV แบบ 4th generation หรือ 3rd generation ทำได้ง่ายมากในห้องปฏิบัติการโดยสามารถออกผลตรวจได้ภายในเวลา 30-60 นาที คนไข้สามารถทราบผลได้เลยในวันที่มาตรวจ

ส่วนวิธี NAAT หรือ HIV PCR นั้นมีความยุ่งยากมากกว่าและใช้เวลาในการออกผลโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 วัน

ความถี่ในการตรวจ HIV

โดยทั่วไปการตรวจเอชไอวีนั้นขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ในรายที่ไม่มีความเสี่ยงหรือแทบไม่มีความเสี่ยงเลยอาจพิจารณาตรวจเอชไอวีปีละครั้งหรือน้อยกว่านั้นก็ย่อมได้

ส่วนในคนที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่ทราบผลเอชไอวีอยู่เป็นครั้งคราวรวมถึงกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันและกลุ่มที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เราแนะนำให้ตรวจเอชไอวีสม่ำเสมอทุก 3-6 เดือน

สำหรับการตรวจหลังมีความเสี่ยงหรือหลังกินยาต้านไวรัสฉุกเฉิน (PEP) เราแนะนำให้ตรวจที่ 4 สัปดาห์หรือ 1 เดือนหลังจากความเสี่ยง

Make Appointment

Relate content :

ช่องคลอดอักเสบ: สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคทางเพศสัมพันธ์

กำลังเผชิญกับปัญหาช่องคลอดอักเสบ? บทความนี้จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา รวมถึงการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ยา PEP (เป๊ป) ราคาแพงไหม

ต้องการยา PEP? บทความนี้จะบอกทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับยา PEP ตั้งแต่ราคา วิธีการใช้ ไปจนถึงสถานที่หาซื้อ

การรักษา HIV คู่มือสำหรับผู้มีความเสี่ยง

อย่าปล่อยให้ HIV ควบคุมชีวิตคุณ! คลิกอ่านเพื่อเรียนรู้วิธีดูแลตัวเองและมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมเคล็ดลับดูแลสุขภาพ

ชุดตรวจ HIV ตรวจได้เองที่บ้าน

ชุดตรวจ HIV หรือ HIV self-test เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บุคคลสามารถตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเบื้องต้นด้วยตนเองได้ที่บ้านหรือสถานที่ที่สะดวก โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล การตรวจ HIV ด้วยตนเองเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ยาเพร็พ (PrEP) ป้องกันเอชไอวีได้จริงหรือ? มาไขข้อข้องใจกัน

ปกป้องตัวเองจาก HIV ด้วยยาเพร็พ (PrEP) เพิ่มความมั่นใจในชีวิตด้วยการป้องกันที่ได้ผล ไขข้อข้องใจโดยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ยาต้าน HIV: ก้าวสำคัญสู่ชีวิตที่มีคุณภาพ

ยาต้าน HIV: ก้าวสำคัญสู่ชีวิตที่มีคุณภาพ ยาต้าน HIV หรือยาต้านไวรัสเอชไอวี คือกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ยาเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสเอชไอวีในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน ทำไมต้องใช้ยาต้าน HIV ยาต้าน HIV ทำงานอย่างไร ยาต้าน HIV ทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ไวรัสเอชไอวีต้องการในการเพิ่มจำนวนตัวเอง เมื่อไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะสามารถต่อสู้กับเชื้อได้ดีขึ้น ประเภทของยาต้าน HIV การเลือกใช้ยาต้าน HIV การเลือกใช้ยาต้าน HIV ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น: การใช้ยาต้าน HIV ร่วมกับยาอื่นๆ ยาต้าน HIV บางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ที่ผู้ป่วยกำลังรับประทานอยู่ ดังนั้นจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่กำลังรับประทานอยู่ทั้งหมดก่อนเริ่มรับประทานยาต้าน HIV ผลข้างเคียงของยาต้าน HIV ยาต้าน HIV อาจมีผลข้างเคียงบ้าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหายไปเอง หรือสามารถบรรเทาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนขนาดยาหรือเปลี่ยนชนิดยา การใช้ยาต้าน HIV ชีวิตหลังการเริ่มใช้ยาต้าน HIV การใช้ยาต้าน HIV…

Tag :

We use cookies to improve performance. and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy and can manage your own privacy by clicking on Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies of each type are available on request, except essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Strictly necessary cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    These types of cookies are essential for the website to function. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable cookies in our website system.

Save