294/1 Asia Building (11th Floor), Phyathai, Bangkok
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/03_service.jpg)
เอชไอวี (HIV) คืออะไร
เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, และการติดจากแม่สู่ลูก เมื่อติดเชื้อไวรัส HIV ไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ง่าย จนกระทั่งมีโอกาสเสียชีวิตได้ ปัจจุบันการตรวจและการรักษาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้พัฒนาไปมากจนสามารถตรวจหาเชื้อได้ง่าย และมีความแม่นยำอีกด้วย ส่วนในแง่การรักษาก็เช่นกัน ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถกินยาต้านไวรัสให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงและสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ไม่ต่างจากคนทั่วไป
เมื่อไหร่ที่ควรตรวจเอชไอวี (HIV test)
เนื่องจากการตรวจ HIV ทำได้ง่ายและมีความแม่นยำสูง ในหลายประเทศจึงได้จัดให้การตรวจเอชไอวีอยู่ในหมวดหมู่การตรวจสุขภาพทั่วไป อย่างไรก็ดีเราแนะนำให้ตรวจ HIV สำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังนี้
- เมื่อมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
- เมื่อสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัส
- เมื่อมีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- เมื่อวางแผนมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับคนรักอย่างปลอดภัย
- เมื่อวางแผนสมรสรวมถึงมีบุตรและตั้งครรภ์
- เมื่อใช้ชีวิตร่วมกับคู่ที่มีผลเลือดต่างกัน
- เมื่อต้องการตรวจเช็คสุขภาพทั่วไป
ความแม่นยำของการตรวจ HIV
ความแม่นยำของการตรวจ HIV ขึ้นกับชนิดการตรวจที่ใช้และระยะเวลาหลังมีความเสี่ยง โดยทั่วไปการตรวจเอชไอวีปัจจุบันเราใช้วิธีตรวจที่เรียกว่า 4th Generation HIV test หรือในวงการแพทย์มักเรียกสั้น ๆ กันว่า 4th gen วิธีตรวจนั้นมีความแม่นยำมากถึง 99% โดยผลตรวจน่าเชื่อถือตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ขึ้นไปหลังจากที่มีความเสี่ยง
ในทางปฏิบัตินั้นยังมีการใช้ชุดตรวจที่เป็น 3rd generation อยู่บ้าง ซึ่งข้อดีก็คือราคาถูกกว่าโดยวิธีตรวจ 3rd generation นั้นจะมีความแม่นยำหากความเสี่ยงเกิดขึ้นตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป
ส่วนในรายที่เพิ่งมีความเสี่ยงมาได้ 3-5 วันและมีความกังวล ต้องการที่จะรู้ผลในเวลานั้น ชุดตรวจที่เราจะเลือกใช้ก็คือ NAAT หรือ HIV PCR ซึ่งเป็นการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสเอชไอวี ซึ่งวิธี NAAT หรือ HIV PCR นั้นสามารถตรวจพบเชื้อไวรัสหลังมีความเสี่ยงได้ตั้งแต่ 5-7 วันขึ้นไป ทั้งนี้การตรวจ NAAT หรือ HIV PCR มีข้อดีคือสามารถตรวจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังมีความเสี่ยงแต่อย่างไรก็ตามควรต้องมีการติดตามตรวจเพื่อคอนเฟิร์มด้วยวิธี 4th generation เพราะเป็นมาตรฐานในการตรวจหาเชื้อเอชไอวี
ระยะเวลาในการทราบผลตรวจ HIV
ปัจจุบันวิธีตรวจ HIV แบบ 4th generation หรือ 3rd generation ทำได้ง่ายมากในห้องปฏิบัติการโดยสามารถออกผลตรวจได้ภายในเวลา 30-60 นาที คนไข้สามารถทราบผลได้เลยในวันที่มาตรวจ
ส่วนวิธี NAAT หรือ HIV PCR นั้นมีความยุ่งยากมากกว่าและใช้เวลาในการออกผลโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 วัน
ความถี่ในการตรวจ HIV
โดยทั่วไปการตรวจเอชไอวีนั้นขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ในรายที่ไม่มีความเสี่ยงหรือแทบไม่มีความเสี่ยงเลยอาจพิจารณาตรวจเอชไอวีปีละครั้งหรือน้อยกว่านั้นก็ย่อมได้
ส่วนในคนที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่ทราบผลเอชไอวีอยู่เป็นครั้งคราวรวมถึงกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันและกลุ่มที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เราแนะนำให้ตรวจเอชไอวีสม่ำเสมอทุก 3-6 เดือน
สำหรับการตรวจหลังมีความเสี่ยงหรือหลังกินยาต้านไวรัสฉุกเฉิน (PEP) เราแนะนำให้ตรวจที่ 4 สัปดาห์หรือ 1 เดือนหลังจากความเสี่ยง
Make Appointment![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201200%20800'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20725%20480'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20500%20700'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20944%20944'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201920%201281'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20950%20644'%3E%3C/svg%3E)
Relate content :
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2024/02/422894572_706683161447546_1749712271998229747_n.jpg)
ฉีดวัคซีนงูสวัดที่ glove clinic
งูสวัดคือไวรัสชนิดหนึ่ง (Herpes zoster) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสตัวเดียวกันกับอีสุกอีใส (Varicella zoster) เมื่อเราติดเชื้อไวรัสอีสุกใสในวัยเด็กแล้ว ไวรัสสามารถที่จะหลบซ่อนได้ในร่างกายเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งเมื่อร่างกายอ่อนแอ ไวรัสนั้นจึงออกมาทำให้เกิดอาการตุ่มน้ำใส ปวดแสบร้อนตามบริเวณที่เส้นประสาทต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งเรียกกันว่างูสวัด![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/03_service.jpg)
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, และการติดจากแม่สู่ลูก เมื่อติดเชื้อไวรัส HIV ไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ง่าย![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__2236423.jpg)
ปีนี้มีคนไข้ป่วยด้วยไข้เลือดออกมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากว่าผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ มีการเดินทาง จึงพบการระบาดมากขึ้น โดยจากสถิติของกรมควบคุมโรคพบว่ามีผู้ป่วยด้วยไข้เลือดออกในประเทศไทยเกินกว่า 60,000 รายไปแล้วทั้งปี 2566 ไข้เลือดออกเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นซ้ำครั้งที่ 2 จะมีโอกาสเกิดภาวะช๊อคและเสียชีวิตได้มากขึ้น (โอกาสเสียชีวิตอยู่ราว ๆ 1:1,000) วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นใหม่สามารถครอบคลุมได้ทั้ง 4 สายพันธุ์และทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่าช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 80% และลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลได้ถึง 90% นอกจากนี้ยังสามารถฉีดได้ทั้งในคนที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน (วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นเก่าไม่ควรฉีดในคนที่ยังไม่เคยเป็นไข้เลือดออก) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวัคซีนไข้เลือดออกได้ที่ 092-414-9254, Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__14558014_0.jpg)
HIV แต่กำเนิด
ประเด็นร้อนที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ที่มีข้อความของนักศึกษาหญิงเปิดเผยว่าตัวเธอเองได้มีเพศสัมพันธ์แบบ one night stand เวลาไปเที่ยวกลางคืนบ่อยครั้ง และได้บอกความจริงว่าเธอเองมีเชื้อ HIV![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/10/partial-view-of-biochemist-holding-test-tubes-with-2022-12-16-19-36-44-utc-1.jpg)
อาการของเอดส์เป็นอย่างไร ทำความรู้จักกับเอดส์
เอดส์ คืออะไร แท้จริงแล้วเอดส์ไม่ใช่โรค หากแต่คือระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV ซึ่ง HIV นั่นเองคือไวรัสที่ทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเซลล์หลักที่ถูกเล่นงานโดยไวรัสก็คือเม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งเป็นเซลล์ที่บัญชาการระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเอดส์ในภาษาอังกฤษก็คือ AIDS ย่อมาจาก Acquired immunodeficiency syndrome กำเนิดของการเรียกชื่อว่าเอดส์ เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1981 ในวารสารของกรมควบคุมโรค ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่ามีเกย์หนุ่ม 5 คนมีอาการปอดอักเสบจากเชื้อรา และได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่ Los Angeles โดย 2 รายเสียชีวิต และนอกจากนี้ทั้ง 5 คนยังพบการติดเชื้อไวรัส CMV และมีเชื้อราในช่องปากร่วมด้วย ซึ่งเชื้อต่าง ๆ ที่เล่ามานั้นมักเจอในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ในขณะนั้นโลกยังไม่ได้รู้จักกับไวรัส HIV ว่าเป็นสาเหตุตั้งต้นของสิ่งที่เกิดขึ้น การเรียกภาวะนี้ในยุคแรกจึงได้เรียกว่า AIDS หรือ “เอดส์” ซึ่งย่อมาจาก acquired immunodeficiency syndrome อาการของเอดส์แตกต่างกับ HIV ยังไง เอดส์คือชื่อระยะที่ 3…![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/10/380731070_639658248150038_1319221428007685515_n.jpg)