294/1 Asia Building (11th Floor), Phyathai, Bangkok
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/04/08-Vaginosis.jpg)
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือ BV เป็นการติดเชื้อในช่องคลอดที่พบได้บ่อยที่สุด แม้ว่าการติดเชื้อจะไม่รุนแรง แต่อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้หากไม่ได้รับการรักษา มารู้จัก BV กันให้มากขึ้นเพื่อจะได้สังเกตและทราบว่าควรทำเช่นไรหากเกิดอาการนี้ขึ้น
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเป็นอย่างไร
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า BV เป็นการติดเชื้อย่างหนึ่งบริเวณช่องคลอดที่ไม่รุนแรงนัก ที่เกิดขึ้นจากความไม่สมดุลกันระหว่างแบคทีเรียชนิดดีและชนิดไม่ดีภายในช่องคลอดจึงทำให้เกิดการอักเสบขึ้น
BV เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเจ็บ คัน และตกขาวมีกลิ่นเหม็น ทว่าสาวๆ ที่เป็นโรคนี้มักจะไม่รู้ตัวว่าตนกำลังมีภาวะดังกล่าว และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย เพราะอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณบอกว่ากำลังมีบางอย่างผิดปกติ เมื่อสาวๆ ไม่รู้ตัวว่าตนกำลังเป็นก็จะไม่ได้รับการรักษา แม้ BV จะไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรงแต่หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้
BV เป็นอาการติดเชื้อที่มักเกิดขึ้นได้กับสาวๆ วัยรุ่น แม้จะไม่ได้นับว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่เชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นภายในช่องคลอดก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคอื่นได้หากมีการร่วมเพศเกิดขึ้น
สาเหตุของภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
โดยปกติแล้วในร่างกายและช่องคลอดของคุณสาวๆ จะมีแบคทีเรียชนิดดีจำนวนหนึ่งอยู่แล้วซึ่งมีจำนวนมากกว่าแบคทีเรียชนิดไม่ดี แต่หากความสมดุลดังกล่าวมีความผิดปกติที่อาจเกิดจากการล้างสวนช่องคลอด นั่นอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะ BV ได้
แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะ BV แต่พฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ
- การสวนล้างช่องคลอด
- การเปลี่ยนคู่นอนใหม่หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
- การสูบบุหรี่
อย่างไรก็ตาม การติดเชื้ออาจมาจากสาเหตุอื่นๆ ด้วย เช่น ติดเชื้อจากการใช้ฝารองนั่งชักโครกที่ไม่สะอาด การใช้ผ้าปูที่นอนหรือผ้าขนหนูร่วมกับผู้อื่น หรือจากสระว่ายน้ำ เป็นต้น
แล้วจะทราบได้อย่างไรว่ามีการติดเชื้อ
เด็กสาวหลายคนอาจไม่ได้สังเกตเห็นสัญญาณของการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนของภาวะ BV
- ตกขาวมีสีที่แปลกไป คือมีสีขาวขุ่นหรือสีเทา มีลักษณะเหนียวข้นและมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีประจำเดือนหรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์
- รู้สึกปวดแสบในขณะปัสสาวะ
- มีอาการคันบริเวณช่องคลอดทั้งด้านในและภายนอกรอบๆ ช่องคลอด
จริงๆ แล้วการมีตกขาวนั้นเป็นเรื่องปกติและตกขาวจะเกิดขึ้นช่วงระหว่างการมีประจำเดือน แต่หากคุณสังเกตได้ว่ามีตกขาวหรืออาการอื่นๆ เกี่ยวกับช่องคลอดที่ดูไม่ปกติ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการ
จะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อพบแพทย์
เมื่อพบแพทย์ แพทย์จะเริ่มวินิจฉัยอาการด้วยการซักประวัติทางสุขภาพและอาการที่คุณเป็น จากนั้นแพทย์จะตรวจร่างกาย โดยการเก็บตัวอย่างของเหลวบริเวณช่องคลอดและนำไปตรวจในแล็บทดสอบ ซึ่งการตรวจหาเชื้อไม่จำเป็นต้องตรวจภายในเสมอไป
การรักษา
การรักษาโดยปกตินั้นแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นแบบเม็ด แบบครีมทา และแบบสอด และเนื่องจากภาวะนี้อาจกลับมาเป็นใหม่ได้ ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะมากกว่า 1 ชุด แม้อาการของคุณจะดีขึ้นจากการใช้ยาแล้วก็ตาม แต่คุณยังต้องทานหรือใช้ยานั้นๆ ให้หมด
แพทย์หรือพยาบาลจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิดมีผลต่อการใช้ถุงยางอนามัยและแผ่นคุมกำเนิด แม้การรักษาจะเสร็จสิ้นแล้วก็ตาม นอกจากนี้ การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิดจะมีข้อห้ามเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ แนะนำให้สอบถามและขอข้อมูลการใช้ยาอย่างละเอียดจากแพทย์
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียสามารถป้องกันได้หรือไม่
ภาวะนี้เป็นภาวะที่ไม่สามารถป้องกันได้ ทว่าเราสามารถลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเป็นลงได้
- พยายามไม่ล้างสวนช่องคลอด
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
- หากคุณตัดสินใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ คุณต้องมีการป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัยและต้องไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการของ BV จะหายไปได้เองโดยไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม แต่หากไม่มีการรักษา BV สามารถพัฒนาให้กลายเป็นโรคหรือมีภาวะอื่นๆ ตามมาได้ เช่น
- เพิ่มโอกาสเสี่ยงให้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ – หญิงที่มีภาวะ BV อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเริม หนองในเทียม หนองในแท้ หรือติดเชื้อ HIV ได้
- เพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ – หากภาวะ BV ไม่ได้รับการรักษา หญิงสาวอาจพบความผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ การติดเชื้อ และอาจมีภาวะแท้งคุกคาม เป็นต้น
การติดเชื้อที่เกิดขึ้นอย่างภาวะ BV นี้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณสาวๆ ที่มีเพศสัมพันธ์จำเป็นต้องได้รับการตรวจภายในและตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แม้คุณจะมั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อ แต่แพทย์เท่านั้นที่จะบอกคุณได้ว่าคุณมีการติดเชื้อหรือไม่และหากมีการติดเชื้อ แพทย์ก็จะทำการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองต่อไป
ที่มา : http://kidshealth.org/en/teens/bv.html
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คืออะไร
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คือ การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดและเกิดการอักเสบต่อมา พบได้บ่อยมากแม้จะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
สาเหตุ
เกิดจากการเสียสมดุลของแบคทีเรียในบริเวณช่องคลอดโดยที่แบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิไล (Lactobacilli) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียไม่ดีที่สามารถก่อโรคในช่องคลอดได้มีจำวนลดลง จำนวนแบคทีเรียที่ก่อโรคในช่องคลอดได้จึงมีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อจำนวนของแบคทีเรียชนิดดีและชนิดไม่ดีภายในช่องคลอดไม่สมดุลกันจึงทำให้เกิดการอักเสบตามมา
อาการ
อาการมีได้ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงอักเสบรุนแรง บางคนอาจไม่มีอาการเลยก็ได้ หรือเป็นๆ หายๆ หากไม่ทำการรักษา อาการที่พบได้ ได้แก่ ตกขาวมีกลิ่นหรือสีผิดปกติ ปัสสาวะแสบขัด ช่องคลอดอักเสบ รู้สึกเจ็บหรือปวดช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
การวินิจฉัย
สามารถวินิจฉัยได้จากการนำตกขาวหรือสาคัดหลั่งในช่องคลอดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา
สามารถรักษาหายขาดได้ โดยแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ มีทั้งยาฉีด ยากิน ยาสอด หรือยาทา อาการมักจะดีขึ้นภายใน 5-7 วัน และแพทย์จะทำการนัดเพื่อติดตามอาการและผลการรักษาอีกครั้ง
การป้องกัน
- การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- ไม่สวนล้างบ่อยจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือผ้าอนามัยที่มีน้ำหอม
Make Appointment![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201200%20800'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20800%201067'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20725%20480'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20500%20700'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20944%20944'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201920%201281'%3E%3C/svg%3E)
Relate content :
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2024/02/422894572_706683161447546_1749712271998229747_n.jpg)
ฉีดวัคซีนงูสวัดที่ glove clinic
งูสวัดคือไวรัสชนิดหนึ่ง (Herpes zoster) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสตัวเดียวกันกับอีสุกอีใส (Varicella zoster) เมื่อเราติดเชื้อไวรัสอีสุกใสในวัยเด็กแล้ว ไวรัสสามารถที่จะหลบซ่อนได้ในร่างกายเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งเมื่อร่างกายอ่อนแอ ไวรัสนั้นจึงออกมาทำให้เกิดอาการตุ่มน้ำใส ปวดแสบร้อนตามบริเวณที่เส้นประสาทต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งเรียกกันว่างูสวัด . ไวรัสงูสวัดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อของเส้นประสาทตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย โดยอาการของงูสวัดนั้น ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดแสบร้อนนำมาก่อน โดยอาการดังกล่าวก็คืออาการเส้นประสาทอักเสบจากไวรัสงูสวัดนั่นเอง . หลังจากอาการปวดแสบร้อน ก็จะมีตุ่มน้ำใสขึ้นตรงบริเวณที่ปวด ระยะนี้เชื้อสามารถแพร่กระจายให้ผู้อื่นได้ โดยถ้าผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสทันเวลา ก็จะทำให้ตุ่มน้ำขึ้นไม่มาก และสามารถลดระยะเวลาของอาการปวดได้อีกด้วย โดยอาการปวดเส้นประสาทหลังติดเชื้อไวรัสงูสวัดนั้นสามารถเป็นเรื้อรัง และจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดปลายประสาทในการรักษาเป็นเวลานานจนกว่าอาการจะดีขึ้นได้ . วัคซีนงูสวัด (Shingrix) สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถป้องกันการปวดปลายประสาทที่เกิดหลังการติดเชื้องูสวัดได้อีกด้วย โดยประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของวัคซีนงูสวัด (Shingrix) นั้นสูงอย่างน้อย 90 % และระดับภูมิคุ้มกันต่องูสวัดหลังฉีดวัคซีนจะอยู่ไปนานอย่างน้อย 7 ปีหลังจากที่ฉีด . คำแนะนำสำหรับบุคคลทั่วไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ได้ตั้งแต่เมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ในกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังที่อาจทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องและติดเชื้อได้ง่าย โดยการฉีดวัคซีนงูสวัด…![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2024/01/S__2465807-1.jpg)
ทอนซิลอักเสบจากเริม
ทอนซิลอักเสบจากเริม เริมหรือ herpes simplex เป็นไวรัสที่ติดต่อได้จากการการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่มีเชื้อเริมมักจะไม่มีอาการ และไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ และอาจมีตุ่มน้ำใสแตกเป็นแผลเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ อาการที่พบบ่อยคือตุ่มน้ำมาที่บริเวณริมฝีปาก หรือที่บริเวณอวัยวะเพศ.โดยในรายที่รับเชื้อเริมจากออรัลเซ็กส์ ก็อาจจะทำให้เกิดแผลที่ทอนซิล มีอาการเหมือนทอนซิลอักเสบจนเป็นหนองได้ ตัวอย่างทอนซิลในภาพนี้ ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้และเจ็บคอมากหลังจากมีเพศสัมพันธ์มา 4-5 วัน โดยได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจากหมอหูคอจมูกมาหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงได้มา swab PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ glove clinic ผลตรวจพบเชื้อ Herpes simplex virus type 2.เชื้อเริมสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัส ในรายนี้หลังกินยาต้านไวรัสแล้วพบว่าหนองที่คอลดลงอย่างรวดเร็วหลังกินยาไปเพียง 2-3 วัน (ดังภาพ) รวมทั้งอาการเจ็บคอดีขึ้นมากเป็นลำดับ.การตรวจ PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นการตรวจที่แม่นยำ และสามารถตรวจหาเชื้อก่อโรคได้หลายเชื้อในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหนองในแท้, หนองในเทียม, เริม, รวมถึงเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ โดยการตรวจใช้เวลา 1-2 วันจึงจะได้ผล และสามารถตรวจได้แม้จะไม่มีอาการก็ตาม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 092-414-9254 หรือ Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/03_service.jpg)
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, และการติดจากแม่สู่ลูก เมื่อติดเชื้อไวรัส HIV ไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ง่าย![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__2236423.jpg)
ปีนี้มีคนไข้ป่วยด้วยไข้เลือดออกมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากว่าผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ มีการเดินทาง จึงพบการระบาดมากขึ้น โดยจากสถิติของกรมควบคุมโรคพบว่ามีผู้ป่วยด้วยไข้เลือดออกในประเทศไทยเกินกว่า 60,000 รายไปแล้วทั้งปี 2566 ไข้เลือดออกเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นซ้ำครั้งที่ 2 จะมีโอกาสเกิดภาวะช๊อคและเสียชีวิตได้มากขึ้น (โอกาสเสียชีวิตอยู่ราว ๆ 1:1,000) วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นใหม่สามารถครอบคลุมได้ทั้ง 4 สายพันธุ์และทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่าช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 80% และลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลได้ถึง 90% นอกจากนี้ยังสามารถฉีดได้ทั้งในคนที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน (วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นเก่าไม่ควรฉีดในคนที่ยังไม่เคยเป็นไข้เลือดออก) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวัคซีนไข้เลือดออกได้ที่ 092-414-9254, Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__14558014_0.jpg)
HIV แต่กำเนิด
ประเด็นร้อนที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ที่มีข้อความของนักศึกษาหญิงเปิดเผยว่าตัวเธอเองได้มีเพศสัมพันธ์แบบ one night stand เวลาไปเที่ยวกลางคืนบ่อยครั้ง และได้บอกความจริงว่าเธอเองมีเชื้อ HIV![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/10/partial-view-of-biochemist-holding-test-tubes-with-2022-12-16-19-36-44-utc-1.jpg)