294/1 Asia Building (11th Floor), Phyathai, Bangkok
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/04/18-Pneumococcal-vaccine.jpg)
โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) เป็นโรคในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลันที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่พักฟื้นในโรงพยาบาล โรคปอดอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ที่พบมากที่สุดคือการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus pneumoniae หรือเรียกอีกอย่างว่าเชื้อ Pneumococcus แบคทีเรียชนิดนี้นอกจากจะทำเกิดโรคปอดอักเสบแล้ว อาจลุกลามจนเกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือดได้
วัคซีนปอดอักเสบคืออะไร?
เป็นวัคซีนสำหรับป้องกันการติดเชื้อ Streptococcus pneumoniae ซึ่งเป็นเชื้อสาเหตุของโรคปอดอักเสบที่มีมากกว่า 90 สายพันธุ์ องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนปอดอักเสบในเด็กเล็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และยังกำหนดให้วัคซีนชนิดนี้เป็นหนึ่งในบัญชียาจำเป็นขององค์การอนามัยโลกอีกด้วย
วัคซีนปอดอักเสบมีกี่ชนิด
- วัคซีน PCV (Pneumococcal conjugate vaccine) เป็นการนำเชื้อแบคทีเรียมาจับกับโปรตีนที่เป็นตัวนำส่ง ตัวที่นิยมใช้คือ PCV 13 ซึ่งครอบคลุมการป้องกันเชื้อpneumococcus13 สายพันธุ์ สามารถฉีดได้ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
- วัคซีน PPSV (Pneumococcal polysaccharide vaccine) จะใช้คาร์โบไฮเดรตขนาดใหญ่เป็นตัวนำส่ง ทำให้มีความจำเพาะ และมีประสิทธิภาพสูง ตัวที่นิยมใช้คือ PPSV 23 ที่สามารถป้องกันเชื้อได้ 23 สายพันธุ์ ส่วนมากแนะนำให้ฉีดในผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
ใครบ้างมีความเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบ
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคปอดอักเสบลุกลาม
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ติดเชื้อHIVผู้ตัดม้ามออกแล้ว ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตโรคหัวใจโรคตับ โรคเบาหวาน โรคปอด น้ำในสมองรั่วและไขสันหลังรั่ว เป็นต้น
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ผู้ที่ได้รับการฝังเครื่องมือแพทย์ที่หูชั้นใน หรือฝังประสาทหูเทียม
การฉีดวัคซีนปอดอักเสบ
- สำหรับเด็กแรกเกิดที่ยังไม่มีความเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบควรได้รับวัคซีน PCV จำนวน 3 เข็ม ในช่วงปีแรกหลังคลอด คือ ที่อายุ 2, 4 และ 6 เดือน จากนั้นจึงฉีดกระตุ้นอีก 1 เข็มเมื่ออายุ 12 เดือน
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 2 ปี ขึ้นไป และมีความเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบควรฉีดวัคซีน PCV 1-2 เข็ม (ห่างกัน 8 สัปดาห์) และฉีดกระตุ้นอีก 1 เข็ม โดยห่างจากเข็มสุดท้าย 8 สัปดาห์
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนทั้งชนิด PCV และ PPSV โดยฉีดวัคซีน PCV ก่อน 1 เข็ม ตามด้วย PPSV โดยห่างกัน 12 เดือน
การฉีดวัคซีนปอดอักเสบร่วมกับวัคซีนอื่น
หากต้องฉีดวัคซีนปอดอักเสบทั้ง 2 ชนิด คือ PCV และ PPCV ห้ามฉีดวัคซีนทั้งสองชนิดนี้พร้อมกันหรือภายในวันเดียวกัน ควรฉีดวัคซีน PCV ก่อนแล้วจึงตามด้วย PPSV ในวันอื่น ห่างกันอย่างน้อย 8 สัปดาห์ เพราะจากการศึกษาพบว่าการฉีด PCV ก่อน จะทำให้ระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคปอดอักเสบสูงกว่า
การฉีดวัคซีนปอดอักเสบร่วมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- ในเด็ก อาจทำให้เกิดไข้สูงจนเกิดอาการชักได้ (febrile seizures)
- ในผู้ใหญ่ การฉีดร่วมกันสามารถทำได้ แต่จากการศึกษาในผู้ที่อายุสูงกว่า 65 ปี พบว่าการฉีดร่วมกันหรือภายในวันเดียวกันทำให้ภูมิคุ้มกันต่อทั้งเชื้อปอดอักเสบและเชื้อไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ลดลง
ดังนั้น ส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยงการให้วัคซีนปอดอักเสบกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกัน หรือในวันเดียวกัน เพื่อประสิทธิผลสูงสุดของวัคซีน และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนปอดอักเสบ
วัคซีนปอดอักเสบอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นเดียวกับวัคซีนอื่นๆ เช่น มีอาการปวด บวม บริเวณผิวหนังที่ฉีด มีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาการเหล่านี้สามารถรับประทานยาลดไข้เพื่อบรรเทาอาการได้ นอกจากนี้ผู้รับวัคซีนบางรายอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น แพ้วัคซีน มีผื่นขึ้นตามตัว ใบหน้าและตาบวม หายใจลำบาก ซึ่งพบได้น้อยมาก แต่หากเกิดอาการเหล่านี้ให้รีบมาพบแพทย์โดยด่วน
ใครไม่ควรฉีดวัคซีนปอดอักเสบ?
- ผู้ที่มีอาการแพ้ หรือมีปฏิกิริยารุนแรงต่อวัคซีนปอดอักเสบในการฉีดครั้งก่อน
- ผู้ที่มีอาการแพ้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ
- ผู้ที่มีอาการป่วย ติดเชื้อ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหาย
ภูมิคุ้มกันปอดอักเสบหลังจากฉีดวัคซีนอยู่ได้นานแค่ไหน?
วัคซีนปอดอักเสบชนิด PCV เป็นวัคซีนที่ตอบสนองต่อการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีในผู้สูงอายุ และระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงภายหลังการฉีดวัคซีนประมาณ 5-10 ปี
ที่มา : https://www.honestdocs.co/vaccines-for-pneumonia-vaccination-against-disease-injectable-at-all-ages
Make Appointment![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201200%20800'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20800%201067'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20725%20480'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20500%20700'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20944%20944'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201920%201281'%3E%3C/svg%3E)
Relate content :
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2024/02/422894572_706683161447546_1749712271998229747_n.jpg)
ฉีดวัคซีนงูสวัดที่ glove clinic
งูสวัดคือไวรัสชนิดหนึ่ง (Herpes zoster) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสตัวเดียวกันกับอีสุกอีใส (Varicella zoster) เมื่อเราติดเชื้อไวรัสอีสุกใสในวัยเด็กแล้ว ไวรัสสามารถที่จะหลบซ่อนได้ในร่างกายเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งเมื่อร่างกายอ่อนแอ ไวรัสนั้นจึงออกมาทำให้เกิดอาการตุ่มน้ำใส ปวดแสบร้อนตามบริเวณที่เส้นประสาทต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งเรียกกันว่างูสวัด . ไวรัสงูสวัดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อของเส้นประสาทตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย โดยอาการของงูสวัดนั้น ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดแสบร้อนนำมาก่อน โดยอาการดังกล่าวก็คืออาการเส้นประสาทอักเสบจากไวรัสงูสวัดนั่นเอง . หลังจากอาการปวดแสบร้อน ก็จะมีตุ่มน้ำใสขึ้นตรงบริเวณที่ปวด ระยะนี้เชื้อสามารถแพร่กระจายให้ผู้อื่นได้ โดยถ้าผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสทันเวลา ก็จะทำให้ตุ่มน้ำขึ้นไม่มาก และสามารถลดระยะเวลาของอาการปวดได้อีกด้วย โดยอาการปวดเส้นประสาทหลังติดเชื้อไวรัสงูสวัดนั้นสามารถเป็นเรื้อรัง และจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดปลายประสาทในการรักษาเป็นเวลานานจนกว่าอาการจะดีขึ้นได้ . วัคซีนงูสวัด (Shingrix) สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถป้องกันการปวดปลายประสาทที่เกิดหลังการติดเชื้องูสวัดได้อีกด้วย โดยประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของวัคซีนงูสวัด (Shingrix) นั้นสูงอย่างน้อย 90 % และระดับภูมิคุ้มกันต่องูสวัดหลังฉีดวัคซีนจะอยู่ไปนานอย่างน้อย 7 ปีหลังจากที่ฉีด . คำแนะนำสำหรับบุคคลทั่วไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ได้ตั้งแต่เมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ในกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังที่อาจทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องและติดเชื้อได้ง่าย โดยการฉีดวัคซีนงูสวัด…![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2024/01/S__2465807-1.jpg)
ทอนซิลอักเสบจากเริม
ทอนซิลอักเสบจากเริม เริมหรือ herpes simplex เป็นไวรัสที่ติดต่อได้จากการการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่มีเชื้อเริมมักจะไม่มีอาการ และไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ และอาจมีตุ่มน้ำใสแตกเป็นแผลเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ อาการที่พบบ่อยคือตุ่มน้ำมาที่บริเวณริมฝีปาก หรือที่บริเวณอวัยวะเพศ.โดยในรายที่รับเชื้อเริมจากออรัลเซ็กส์ ก็อาจจะทำให้เกิดแผลที่ทอนซิล มีอาการเหมือนทอนซิลอักเสบจนเป็นหนองได้ ตัวอย่างทอนซิลในภาพนี้ ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้และเจ็บคอมากหลังจากมีเพศสัมพันธ์มา 4-5 วัน โดยได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจากหมอหูคอจมูกมาหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงได้มา swab PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ glove clinic ผลตรวจพบเชื้อ Herpes simplex virus type 2.เชื้อเริมสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัส ในรายนี้หลังกินยาต้านไวรัสแล้วพบว่าหนองที่คอลดลงอย่างรวดเร็วหลังกินยาไปเพียง 2-3 วัน (ดังภาพ) รวมทั้งอาการเจ็บคอดีขึ้นมากเป็นลำดับ.การตรวจ PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นการตรวจที่แม่นยำ และสามารถตรวจหาเชื้อก่อโรคได้หลายเชื้อในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหนองในแท้, หนองในเทียม, เริม, รวมถึงเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ โดยการตรวจใช้เวลา 1-2 วันจึงจะได้ผล และสามารถตรวจได้แม้จะไม่มีอาการก็ตาม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 092-414-9254 หรือ Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/03_service.jpg)
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, และการติดจากแม่สู่ลูก เมื่อติดเชื้อไวรัส HIV ไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ง่าย![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__2236423.jpg)
ปีนี้มีคนไข้ป่วยด้วยไข้เลือดออกมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากว่าผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ มีการเดินทาง จึงพบการระบาดมากขึ้น โดยจากสถิติของกรมควบคุมโรคพบว่ามีผู้ป่วยด้วยไข้เลือดออกในประเทศไทยเกินกว่า 60,000 รายไปแล้วทั้งปี 2566 ไข้เลือดออกเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นซ้ำครั้งที่ 2 จะมีโอกาสเกิดภาวะช๊อคและเสียชีวิตได้มากขึ้น (โอกาสเสียชีวิตอยู่ราว ๆ 1:1,000) วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นใหม่สามารถครอบคลุมได้ทั้ง 4 สายพันธุ์และทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่าช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 80% และลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลได้ถึง 90% นอกจากนี้ยังสามารถฉีดได้ทั้งในคนที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน (วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นเก่าไม่ควรฉีดในคนที่ยังไม่เคยเป็นไข้เลือดออก) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวัคซีนไข้เลือดออกได้ที่ 092-414-9254, Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__14558014_0.jpg)
HIV แต่กำเนิด
ประเด็นร้อนที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ที่มีข้อความของนักศึกษาหญิงเปิดเผยว่าตัวเธอเองได้มีเพศสัมพันธ์แบบ one night stand เวลาไปเที่ยวกลางคืนบ่อยครั้ง และได้บอกความจริงว่าเธอเองมีเชื้อ HIV![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/10/partial-view-of-biochemist-holding-test-tubes-with-2022-12-16-19-36-44-utc-1.jpg)