294/1 Asia Building (11th Floor), Phyathai, Bangkok
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/04/04-Non-GC.jpg)
หนองในเทียม คืออะไร
หนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่หนองในแท้ ได้แก่
- Chlamydia trachomatis พบมากที่สุด
- Ureaplasmaurealyticum / parvum พบรองลงมา
- Mycoplasmagenitalium / hominis พบได้น้อย
สาเหตุ
หนองในสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสเยื่อบุผิวตามอวัยวะต่างๆ เช่น องคชาต ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก ช่องปาก ลำคอโดยเชื้อจะอยู่ในสารคัดหลั่งรวมไปถึงน้ำอสุจิด้วย หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยก็สามารถติดเชื้อมาได้โดยตรง
อาการ
โรคหนองในเทียมจะมีระยะฟักตัวนานกว่าหนองในแท้ จะมีอาการตั้งแต่ 10 วันขึ้นไป บางคนอาจไม่มีอาการเป็นเดือนๆ หรือไม่มีอาการ
ผู้ชาย :มีอาการคันในท่อปัสสาวะ มีน้ำใสๆไหลออกมา ระยะต่อมาน้ำจะเหนียวข้นและเป็นหนองตามมา
ผู้หญิง :อาการไม่ได้แสดงชัดเจนมาก ตกขาวมีสีหรือกลิ่นผิดปกติ ปัสสาวะแสบขัด บางรายมีช่องคลอดอักเสบ
อาการโดยรวมจะไม่รุนแรงเท่าเหนองในแท้ แต่ก็ทำให้อาการเรื้อรังและมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้เช่นกัน
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยสามารถทำได้โดยการตรวจปัสสาวะ หนอง และตกขาว โดยแพทย์จะทำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ
การรักษา
หนองในเทียมสามารถรักษาให้หายขาดได้ และสามารถติดมาใหม่ได้เช่นกัน การรักษาคือการฉีดยาและกินยาปฏิชีวนะ หลังรักษาอาการจะดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว ควรกลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาด้วย นอกจากนี้ควรพาคู่นอนมารักษาด้วยเช่นกัน
การป้องกัน
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หากมีความเสี่ยงก็ควรรีบมาตรวจเลือดและรีบทำการรักษาเพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น
หนองในเทียม (Chlamydia) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดขึ้นจากการรับเชื้อแบคทีเรียผ่านจากคู่นอนที่ติดเชื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมูกใสหรือหนองที่บริเวณอวัยวะเพศ หนองในเทียมอาจไม่ปรากฏอาการที่ชัดเจนในผู้ป่วยบางราย และเป็นโรคที่พบมากในวัยรุ่น สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง หนองในเทียมและหนองในแท้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคนละชนิด หนองในแท้เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria Gorrhoese) โดยที่หนองในทั้ง 2 ชนิดจะแสดงอาการคล้ายกัน แต่หนองในเทียมมักไม่ค่อยมีอาการหรือมีอาการรุนแรงน้อยกว่า และมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียนานกว่าหนองในแท้
สาเหตุของหนองในเทียม
หนองในเทียมเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันกับผู้ที่ติดเชื้อ เชื้อสามารถแพร่ติดต่อได้หลายทาง เช่น ทางอวัยวะเพศ ทางทวารหนัก ทางปาก หรือแม้กระทั่งทางตา หากมีสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อกระเด็นใส่ รวมไปถึงการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกในขณะตั้งครรภ์
อาการของหนองในเทียม
อาการของหนองในเทียม ในช่วงแรกอาจจะยังไม่แสดงอาการให้พบเห็น หลังได้รับเชื้อแล้วในระยะเวลา 1-3 สัปดาห์ จะแสดงอาการแตกต่างกันออกไปตามเพศ โดยมีลักษณะดังนี้
อาการหนองในเทียมในเพศชาย โดยครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยในเพศชายจะแสดงอาการดังต่อไปนี้
- มีมูกใสหรือขุ่นไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ ซึ่งไม่ใช่ปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ
- มีอาการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
- รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
- รู้สึกปวดหรือมีการบวมที่ลูกอัณฑะ
อาการหนองในเทียมในเพศหญิง ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีเพียง 30% ของผู้ป่วยในเพศหญิงที่จะมีอาการ มักแสดงอาการดังต่อไปนี้
- มีตกขาวลักษณะผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น
- รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
- รู้สึกคันหรือแสบร้อนบริเวณรอบอวัยวะเพศ
- รู้สึกเจ็บท้องน้อยเวลามีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์
สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางอื่น ๆ เช่น ทางทวารหนัก หรือทางปากกับผู้ที่ติดเชื้อ ก็สามารถแสดงอาการได้ คือ เจ็บ ปวด มีเลือดไหล หรือมีหนองที่บริเวณทวารหนัก และรู้สึกเจ็บคอ ไอ หรือมีไข้ สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางปากได้เช่นเดียวกัน
เมื่อสำรวจแล้วพบว่ามีอาการข้างต้น หรือเมื่อรู้ว่าคู่นอนติดเชื้อ ควรหยุดการมีเพศสัมพันธ์และรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษา โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ควรเข้ารับการตรวจหนองในเทียมเป็นประจำทุกปี รวมทั้งผู้ที่มีอายุมากกว่า 25 ปี ที่มีพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์แบบสุ่มเสี่ยง คือมีหลายคู่นอน หรือไม่ป้องกัน
การวินิจฉัยหนองในเทียม
ขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติและพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ป่วย จากนั้นจะทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากบริเวณที่มีการร่วมเพศเพื่อส่งตรวจ การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งสามารถทำได้ 2 วิธี ดังต่อไปนี้
- การเก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ (Swap Test) คือการใช้ไม้พันสำลีเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งที่บริเวณปากมดลูก ปลายท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือลำคอ เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อ
- การทดสอบปัสสาวะ (Urine Test) คือการเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วยไปตรวจ ควรเป็นปัสสาวะที่ทิ้งระยะจากการปัสสาวะครั้งล่าสุด 1-2 ชั่วโมง
โดยปกติ การวินิจฉัยโรคจะเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน และจะทราบผลหลังการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งประมาณ 7-10 วัน ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการหรือพบประวัติทางเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงสูง แพทย์จะให้ทำการรักษาทันที
การรักษาหนองในเทียม
การรักษาหนองในเทียมสามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของแบคทีเรีย
ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษาในระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยในเพศหญิงอาจมีอาการติดเชื้อหนองในเทียมขั้นรุนแรง แพทย์อาจจ่ายยาด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือด ในระหว่างนี้ผู้ป่วยควรงดการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา แม้จะมีการใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน และสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาแบบครั้งเดียว ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และรับประทานยาจนครบตามแพทย์สั่ง ถึงแม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม หลังจากนั้น 3 เดือน ควรกลับไปตรวจอีกครั้ง เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเกิดซ้ำ ร่วมกับการตรวจคัดกรองหาเชื้อในคู่นอนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กันภายใน 6 เดือนที่ผ่านมาด้วย
หนองในเทียมในหญิงตั้งครรภ์และเด็ก
หากติดเชื้อหนองในเทียมในระหว่างตั้งครรภ์ อาจเกิดการแพร่เชื้อจากมารดาสู่ทารก ส่งผลทำให้ทารกเกิดการติดเชื้อที่ตาและปอดได้ หากมารดาไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที จะส่งผลให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ หรือแท้งได้ และอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธ์ุทำให้มีบุตรยากอีกด้วย
ภาวะแทรกซ้อนของหนองในเทียม
ภาวะแทรกซ้อนของหนองในเทียมจะแสดงอาการแตกต่างกันออกไปตามเพศของผู้ป่วย โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
ภาวะแทรกซ้อนในเพศชาย
- อัณฑะอักเสบหรือต่อมลูกหมากติดเชื้อ หนองในเทียมในเพศชายสามารถแพร่กระจายไปที่ลูกอัณฑะ หลอดเก็บน้ำอสุจิ และต่อมลูกหมาก ทำให้มีอาการปวดหรือบวม มีไข้หนาวสั่น เจ็บที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ปวดเอว และเกิดอาการปวดในระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ อาการนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ ถ้าปล่อยไว้หรือไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาจทำให้เป็นหมันได้
- ข้ออักเสบ หรือที่รู้จักในชื่อ โรคไรเตอร์ หรือข้ออักเสบไรเตอร์ (Reiter Syndrome) หลังจากเป็นหนองในเทียมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ อาจมีอาการตามมาด้วยคือข้ออักเสบ รวมไปถึงทางเดินปัสสาวะอักเสบ หรือตาอักเสบ อาการนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาแก้อักเสบชนิดไม่ใส่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) จำพวกไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) โดยส่วนมากแล้วอาการนี้จะเกิดในเพศชาย แต่ก็สามารถเกิดในเพศหญิงได้เช่นเดียวกัน
ภาวะแทรกซ้อนในเพศหญิง
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ หนองในเทียมในเพศหญิงสามารถแพร่กระจายไปยังมดลูกและรังไข่ได้ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ปวดท้องน้อยขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกในขณะหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ อาการเหล่านี้จะส่งผลทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยาก ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาการนี้สามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องนาน 2 สัปดาห์
การป้องกันหนองในเทียม
การป้องกันหนองในเทียมที่เห็นผลที่ดีที่สุดคือการลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อ โดยเฉพาะการรับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือปฏิบัติตัวตามวิธีการดังต่อไปนี้
- ใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ สามารถช่วยป้องกันหนองในเทียมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ถึง 99%
- มีคู่นอนเพียงคนเดียว การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นหนองในเทียมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- หลีกเลี่ยงการสวนล้างภายในร่างกาย โดยเฉพาะในเพศหญิง เพราะจะเป็นการลดจำนวนแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อช่องคลอด และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- หนองในเทียมจะไม่ติดต่อผ่านการจูบ การกอด การใช้ช้อนส้อม การใช้สระว่ายน้ำ การใช้ห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำร่วมกับผู้ป่วย
- ควรหมั่นไปพบแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือด หรือตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
Make Appointment![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201200%20800'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20800%201067'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20725%20480'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20500%20700'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%20944%20944'%3E%3C/svg%3E)
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201920%201281'%3E%3C/svg%3E)
Relate content :
![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2024/02/422894572_706683161447546_1749712271998229747_n.jpg)
ฉีดวัคซีนงูสวัดที่ glove clinic
งูสวัดคือไวรัสชนิดหนึ่ง (Herpes zoster) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสตัวเดียวกันกับอีสุกอีใส (Varicella zoster) เมื่อเราติดเชื้อไวรัสอีสุกใสในวัยเด็กแล้ว ไวรัสสามารถที่จะหลบซ่อนได้ในร่างกายเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งเมื่อร่างกายอ่อนแอ ไวรัสนั้นจึงออกมาทำให้เกิดอาการตุ่มน้ำใส ปวดแสบร้อนตามบริเวณที่เส้นประสาทต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งเรียกกันว่างูสวัด . ไวรัสงูสวัดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อของเส้นประสาทตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย โดยอาการของงูสวัดนั้น ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดแสบร้อนนำมาก่อน โดยอาการดังกล่าวก็คืออาการเส้นประสาทอักเสบจากไวรัสงูสวัดนั่นเอง . หลังจากอาการปวดแสบร้อน ก็จะมีตุ่มน้ำใสขึ้นตรงบริเวณที่ปวด ระยะนี้เชื้อสามารถแพร่กระจายให้ผู้อื่นได้ โดยถ้าผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสทันเวลา ก็จะทำให้ตุ่มน้ำขึ้นไม่มาก และสามารถลดระยะเวลาของอาการปวดได้อีกด้วย โดยอาการปวดเส้นประสาทหลังติดเชื้อไวรัสงูสวัดนั้นสามารถเป็นเรื้อรัง และจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดปลายประสาทในการรักษาเป็นเวลานานจนกว่าอาการจะดีขึ้นได้ . วัคซีนงูสวัด (Shingrix) สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถป้องกันการปวดปลายประสาทที่เกิดหลังการติดเชื้องูสวัดได้อีกด้วย โดยประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของวัคซีนงูสวัด (Shingrix) นั้นสูงอย่างน้อย 90 % และระดับภูมิคุ้มกันต่องูสวัดหลังฉีดวัคซีนจะอยู่ไปนานอย่างน้อย 7 ปีหลังจากที่ฉีด . คำแนะนำสำหรับบุคคลทั่วไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ได้ตั้งแต่เมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัด (Shingrix) ในกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังที่อาจทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องและติดเชื้อได้ง่าย โดยการฉีดวัคซีนงูสวัด…![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2024/01/S__2465807-1.jpg)
ทอนซิลอักเสบจากเริม
ทอนซิลอักเสบจากเริม เริมหรือ herpes simplex เป็นไวรัสที่ติดต่อได้จากการการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่มีเชื้อเริมมักจะไม่มีอาการ และไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ และอาจมีตุ่มน้ำใสแตกเป็นแผลเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ อาการที่พบบ่อยคือตุ่มน้ำมาที่บริเวณริมฝีปาก หรือที่บริเวณอวัยวะเพศ.โดยในรายที่รับเชื้อเริมจากออรัลเซ็กส์ ก็อาจจะทำให้เกิดแผลที่ทอนซิล มีอาการเหมือนทอนซิลอักเสบจนเป็นหนองได้ ตัวอย่างทอนซิลในภาพนี้ ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้และเจ็บคอมากหลังจากมีเพศสัมพันธ์มา 4-5 วัน โดยได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจากหมอหูคอจมูกมาหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงได้มา swab PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ glove clinic ผลตรวจพบเชื้อ Herpes simplex virus type 2.เชื้อเริมสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัส ในรายนี้หลังกินยาต้านไวรัสแล้วพบว่าหนองที่คอลดลงอย่างรวดเร็วหลังกินยาไปเพียง 2-3 วัน (ดังภาพ) รวมทั้งอาการเจ็บคอดีขึ้นมากเป็นลำดับ.การตรวจ PCR หาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นการตรวจที่แม่นยำ และสามารถตรวจหาเชื้อก่อโรคได้หลายเชื้อในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหนองในแท้, หนองในเทียม, เริม, รวมถึงเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ โดยการตรวจใช้เวลา 1-2 วันจึงจะได้ผล และสามารถตรวจได้แม้จะไม่มีอาการก็ตาม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 092-414-9254 หรือ Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/03_service.jpg)
ตรวจ HIV รีวิวความรู้สำหรับการตรวจเอชไอวี (HIV test)
เอชไอวีคือไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, และการติดจากแม่สู่ลูก เมื่อติดเชื้อไวรัส HIV ไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ง่าย![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__2236423.jpg)
ปีนี้มีคนไข้ป่วยด้วยไข้เลือดออกมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากว่าผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ มีการเดินทาง จึงพบการระบาดมากขึ้น โดยจากสถิติของกรมควบคุมโรคพบว่ามีผู้ป่วยด้วยไข้เลือดออกในประเทศไทยเกินกว่า 60,000 รายไปแล้วทั้งปี 2566 ไข้เลือดออกเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นซ้ำครั้งที่ 2 จะมีโอกาสเกิดภาวะช๊อคและเสียชีวิตได้มากขึ้น (โอกาสเสียชีวิตอยู่ราว ๆ 1:1,000) วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นใหม่สามารถครอบคลุมได้ทั้ง 4 สายพันธุ์และทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่าช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 80% และลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลได้ถึง 90% นอกจากนี้ยังสามารถฉีดได้ทั้งในคนที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน (วัคซีนไข้เลือดออกรุ่นเก่าไม่ควรฉีดในคนที่ยังไม่เคยเป็นไข้เลือดออก) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวัคซีนไข้เลือดออกได้ที่ 092-414-9254, Line Official @gloveclinic (มีแอดข้างหน้า)![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/11/S__14558014_0.jpg)
HIV แต่กำเนิด
ประเด็นร้อนที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ที่มีข้อความของนักศึกษาหญิงเปิดเผยว่าตัวเธอเองได้มีเพศสัมพันธ์แบบ one night stand เวลาไปเที่ยวกลางคืนบ่อยครั้ง และได้บอกความจริงว่าเธอเองมีเชื้อ HIV![](https://gloveclinic.com/wp-content/uploads/2023/10/partial-view-of-biochemist-holding-test-tubes-with-2022-12-16-19-36-44-utc-1.jpg)